Sunday, January 28

The Road Less Ploughed (or Plowed)

ในที่สุดอ้อมกับคริสก็ได้กลับมาบ้านแล้วค่ะ ขนของเช็คเอาท์ออกจากโรงแรมที่เว็บสเตอร์ตั้งแต่วันพุธ วันนั้นก็ลากของจากจ็อบไซต์กลับมาหนึ่งอย่าง ก็โอเคไม่เหนื่อยมาก กลับถึงบ้านตอนเย็นๆ เก็บข้าวเก็บของเสร็จก็เข้านอนเพราะวันรุ่งขึ้นต้องออกแต่เช้าไปลากของกลับมาอีก (อย่างที่บอกแล้วว่ามีของแปดอย่างให้พ่วงลากกลับมา)

ทีนี้ช่วงนี้เนี่ยอากาศมันหนาวมากๆ ติดลบตลอด หิมะมันก็มีประปราย ปกติขับรถธรรมดาก็ต้องระวังมากๆอยู่แล้ว ยิ่งต้องลากรถพ่วง (trailer) ด้วยเนี่ย ยิ่งต้องระวังสุดๆ คืนวันพุธก็ดูพยากรณ์อากาศแล้วว่า เออ มันมีโอกาสหิมะตก 50% คริสก็บอกไม่น่าเป็นอะไรเท่าไหร่ ถนนหลักๆมันคงแห้งแหละ คือปกติเวลามีเตือนว่าหิมะจะตกเนี่ย รถกวาดหิมะเขาจะออกมาทำงานกันอย่างรวดเร็วอยู่แล้ว ก็เข้านอนกันไป เตรียมตื่นแต่เช้ามืดเพราะกะจะออกจากบ้านตอนหกโมงเช้า ตอนตีห้าครึ่งนาฬืกาปลุกวิทยุที่ตั้งไว้ก็ดัง อ้อมก็ได้ยินข่าวเตือนเรื่องหิมะตกบอกว่าวันนี้มี lake effect snow advisory ตั้งแต่ทางเหนือจาก Cleveland ลงมาจนถึง Akron หิมะอาจตกมากถึงฟุตหรือฟุตครึ่ง อ้อมได้ฟังก็ชักเสียวๆแล้ว เอ มันเตือนตั้งแต่ทางเหนือติดทะลสาปลงมาจนถึงแอครอน แล้วไอ้ที่จะขับรถไปเนี่ยขับติดทะเลสาปทางเหนือเกือบตลอดทาง แล้วจะรอดหิมะได้ไง ก็หันไปหาคริสถามว่าได้ยินประกาศเปล่า คริสไม่สนใจหลับต่อเฉยเลย นาฬิกาปลุกดังอีกสองรอบก็ลุกขึ้นมาแต่งตัว ออกจากบ้านตอนหกโมงสิบนาที ในใจอ้อมก็เสียวๆแต่ไม่เห็นคริสว่าอะไรก็เลย เอ้า ไปก็ไป

ขับออกมาจากบ้านช่วงแรกก็โอเคอยู่ ถนนเปียกนิดหน่อย แต่ก็เห็นรถกวาดหิมะออกมาวิ่งปล่อยเกลือ พ่น anti icing liquid กันแล้ว แต่พอขับไปได้ซักพัก ออกไปวิ่งที่ถนนเส้น local (ไม่ใช่ interstate highway) เท่านั้นแหละ เจี๋ยวค่ะเจี๋ยว หิมะเริ่มตก(เพราะเริ่มวิ่งไปทางเหนือติดทะเลสาป) แถมรถกวาดหิมะก็ไม่เห็นมีวิ่งเลย หิมะก็ตกลงมาหนาใช้ได้ คริสบอกว่าช่วงที่ขับผ่านนั้นน่ะเป็น snow belt พอดี คือหิมะตกเยอะอยู่แล้ว แต่เนื่องจากขาไปยังไม่ได้ลากพ่วงอะไรไปด้วยก็ยังไม่เครียดเท่าไหร่ ขับไปได้เรื่อยๆจนเข้าไฮเวย์เส้นหลัก ถนนก็ดีขึ้น

ดูรูปหิมะช่วงนี้ได้ เวลาขับก็มองทางลำบากเหมือนกัน หิมะปลิวไปปลิวมา แต่ยังดีที่เป็นช่วงกลางวัน

Photobucket - Video and Image Hosting


Photobucket - Video and Image Hosting


Photobucket - Video and Image Hosting



ก็ขับกันไปจนถึงนิวยอร์ค พ่วงรถลากขับกลับกันมาได้ไม่นานก็เห็นประกาศเตือนข้างทางว่า ไฮเวย์เส้น I-90 ที่วิ่งอยู่เนี่ยโดนปิดไปหนึ่งช่วงใน Pennsylvania ก็เลยเปิดวิทยุฟังดูว่ามีอะไร เขาก็บอกว่าถนนปิดเนื่องจากมีอุบัติเหตุ (ประกาศใช้คำว่า multiple car accidents คือคงชนกันหลายเจ้า)และประกาศทางวิทยุก็บอกว่าเส้นทางเลี่ยงก็คือ Route 20 และแถบนั้นมีหิมะตกหนักและ visibility ต่ำมาก อ้อมกับคริสก็เลยต้องหาเส้นทางใหม่วิ่ง แต่ปรากฎว่าในรถดันไม่มีแผนที่ คือก็สะเพร่าเองด้วยที่ไม่เช็คดูก่อนว่ามีแผนที่ในรถก่อนออกจากบ้าน นึกว่ามันมีอยู่แล้ว ก็เลยต้องโทรไปถามทางกับพ่อคริสซึ่งก็ปวดกบาลมากเพราะไอ้เส้นที่พ่อคริสให้มา คุณคริสก็ไม่ชอบ บอกว่ามันไม่ช่วยอะไรเลย มันพาเข้าไปหาไอ้ถนนช่วงที่ปิดเพราะหิมะตกหนักๆนั่นแหละ ก็โทรกันไปมาอยู่สองสามรอบ พ่อลูกเถียงกัน คนซวยก็คือไอ้อ้อมสิ เพราะตรูเป็นคนรับโทรศัพท์นี่หว่า สุดท้ายก็ต้องเออๆออๆกับพ่อคริสไปทางโทรศัพท์แต่จริงๆไม่ได้วิ่งไปทางนั้น อ้อมก็ชักเริ่มรำคาญแล้วไง คือบ้านนี้คอมมิวนิเคตกันไม่ค่อยจะเป็น ซวยตรูทุกที ก็เลยบอกให้คริสแวะเข้า rest stop แล้วซื้อแผนที่มาดูกันเองดีกว่า คุณคริสก็ไม่จอดขับไปอยู่นั่นแหละ จนสุดท้ายก็ต้องไปวิ่งทางเลี่ยงเส้น 20 ที่เขาประกาศให้ใช้ ผลก็คือไปติดแหงกอยู่สองสามชม. เพราะมันเป็นถนนผ่านเมืองสองเลนเส้นเล็กๆ มีไฟเขียวไฟแดงแม่-มันทุกสิบเมตรเลยมั้ง ค่อยๆกระดืบๆกันไปกับเพื่อนร่วมชะตากรรมทั้งหลาย รถเยอะมากๆ แถมถนนก็ไม่ดีไม่ได้โดน plough (American English = plow)หรือกวาดไว้ก่อน (เพราะงั้นถึงได้ตั้งชื่อโพสต์นี้ว่า The Road Less Ploughed) สุดท้ายคริสเห็นท่าไม่ดีแล้วเพราะรถเยอะมากๆแล้วก็ถนนก็ลื่นอันตรายก็เลยตัดสินใจเลี้ยวเข้าแยกที่มันมีป้ายบอกว่าไปออกเส้น I-90 ที่ปิดไปนั่นแหละ กะๆดูระยะทางแล้วว่าน่าจะพ้นช่วงที่มันปิดเพราะอุบัติเหตุไปแล้ว ก็มีได้ลุ้นอีกนิดตอนขับขึ้นเนินว่าจะไปรอดมั้ยเพราะถนนลื่น (คาดว่ารถกวาดหิมะก็ติดอยู่ในเมืองนั่นแหละ เลยไม่ได้มีออกมากวาดถนนเลย)ในที่สุดก็ไปออกเส้น I-90 จนได้ เฮ้อ

พอได้แวะจอดรถเติมน้ำมันหาอะไรดื่มกันหน่อยก็ค่อยยังชั่ว พ่อคริสโทรมาถามด้วยความเป็นห่วงว่าเป็นไงมั่งแล้วก็บอกว่าไอ้อุบัติเหตุที่ทำให้ถนนปิดน่ะ มันชนกันตั้ง 50 คันรวด ดีนะที่เราไม่ได้อยูในนั้นด้วย พ่อคริสก็ดีใจที่เราไม่เป็นไร อ้อมก็บอกไปว่า โอเคแล้วล่ะ ตอนนี้ ถนนก็ดูแห้งดี วางหูโทรศัพท์ปุ๊บ ก็วิ่งเข้าไอ้เส้น local ที่หิมะตกตอนเช้า นรกอีกแล้ว หิมะชักตกหนักเรื่อยๆ มองทางก็ไม่เห็น ถนนก็ไม่ได้กวาด #@%^&!!! ทนๆวิ่งฝ่าไปอีกสักสามสิบไมล์ได้ ถนนก็ค่อยดีขึ้น มาวิ่งเข้าเส้นหลักจนถึงบ้านตอนห้าทุ่ม

เฮ้อๆๆๆๆ คงไม่ต้องบอกว่าเหนื่อยมากๆกันทั้งคู่ ตอนแรกแพลนว่าวันรุ่งขึ้นจะขับแบบนี้อีกรอบก็ต้องล้มเลิกไป จริงๆพรุ่งนี้(วันจันทร์)ก็กะว่าจะไปขนของมาเพิ่ม แต่มีพายุหิมะเข้าคืนนี้ก็ไม่ไปแล้วล่ะ

สรุปว่าอยู่บ้านกับแมดดี้ดีกว่า แมดดี้เป็นสาวแล้วนะ อายุสิบเดือนแล้ว แถมตอนนี้ in season อยู่ซะด้วย เมื่อวานเอาออกไปล่ามทิ้งไว้ที่สนามหญ้าหลังบ้านได้ไม่ถึงสิบนาที มีหนุ่มตามกลิ่นมาหาซะแล้ว คิดถึงแมดดี้มากๆเลยตอนอยู่นิวยอร์ค แต่เดี๋ยวก็ต้องทิ้งแมดดี้ไปเมืองไทยอีกล่ะ แต่แมดดี้อ่ะ ไม่เป็นไรหรอกเพราะมีคนดูแลดีจะตาย นี่เมื่อเช้าแมรี่แอนก็ทำวอฟเฟิลและทอดไข่พร้อมเบคอนเผื่อคุณสุนัขทั้งหลายในบ้านด้วย ฮ่าๆ

Photobucket - Video and Image Hosting


Photobucket - Video and Image Hosting


Photobucket - Video and Image Hosting


Photobucket - Video and Image Hosting

Monday, January 22

ได้บิกินี่แล้วจ้า!!!

เหะเหะ แวะมาเขียนไว้สั้นๆว่าเมื่อวานไป Old Navy มาอีกรอบ เห็นมีบิกินี่วางขายแล้วก็เลยขนเข้าไปลองซะสามสี่ชุด ใส่ได้ชุดเดียว -_-" ที่เหลือใส่แล้วเหี่ยวมากๆ สรุปว่าไอ้ชุดที่ดูว่าสวยๆในอินเตอร์เน็ตเนี่ยใส่ไม่ได้ทั้งนั้นเลย มันเหี่ยวๆทั้งท่อนบนและล่าง ไปได้ชุดที่มันไม่มีในเว็บไซต์ นอกจากบิกินี่ก็หอบกางเกงลดราคาเข้าไปลองด้วย แต่ยังดีที่ไม่ถูกใจมากไม่งั้นคงได้ซื้อมาอีก

สรุปได้มาแค่บิกินี่ชุดเดียว มีคูปองลด 10% อยู่ ลดแล้วเหลือ $30 ก็โอเคนะ ราคาไล่ๆกับที่เมืองไทยเลย

ไม่มีรูปนะ เขิลล์ แต่ขอบอกว่าน่ารักมาก string bikinis เป็นลายทางๆแบบผูกๆ (คือแบบไม่ผูกนี่มันไม่พอดี ผูกๆนี่จัดเองได้)

เคล็ดลับในการเลือกบิกินี่(ของสาวหน้าอกหน้าใจไม่ค่อยมี cleavage ไม่ต้องพูดถึงแบบอ้อม):
ท่อนบนควรใส่แบบที่มี pads บางๆ (อย่าหนามาก)และหาที่เป็นแบบผูกคอ จะ halter หรือ triangle top ก็ได้ จริงๆ halter จะดีสุดเพราะสายผูกหนาหน่อย ที่ต้องผูกที่คอเพราะมันจะช่วยดึงรั้งขึ้นไป ทำให้ผ้ามันแนบตัว ไม่ดูเหมือนมีแต่ฟองน้ำหุ้มผ้ามาแปะอยู่ เคยซื้อของราคาถูกๆที่จตุจักร มันมีฟองน้ำหนามากๆ กว่าจะดึงสายขึ้นไปผูกคอเพื่อให้ตัวบิกินี่ท็อปมันแนบไปกับเนินอกที่ไม่ค่อยจะมีได้เนี่ยก็ต้องดึงจนตึงมากๆจนผูกเสร็จแทบจะยกคอเงยหน้าไม่ขึ้น เข็ดเลย

ส่วนท่อนล่างต้องเป็นบิกินี่เอวต่ำๆเท่านั้น ห้ามใส่แบบที่เว้าขาสูงๆหรือเอวสูงเด็ดขาด เพราะมันจะรัดครึ่งหน้าท้อง พุงจะปลิ้นออกเป็นสองส่วนเพราะชุดว่ายน้ำรัด คือถ้าใส่แบบเอวต่ำๆ พุงออกก็ออกทั้งพุง แต่เราแขม่วเก็บเอาได้ แบบรัดเอวสูงๆนั่นแขม่วเก็บไม่ได้นะ สำหรับอ้อมเองอ้อมมีเนื้อที่หน้าขาและต้นขาเพราะงั้นใส่ที่มันเป็น boyshorts ขาสั้นๆไม่ได้ เพระมันรัดต้นขา ดูปลิ้นอีก (อ้อมว่า boyshorts นี่สำหรับพวกหุ่นเฟิร์มจริงๆ หรือไม่ก็เด็กๆไม่มีไขมันเลย)

เขียนๆไปนี่ก็ใช่ว่าตัวเองใส่บิกินี่แล้วสวยนะ แต่เอาเป็นว่าแบบที่ว่ามานี่ดูแล้วเหมาะกับตัวเองที่สุด

Friday, January 19

สืบเนื่องมาจากอาการเห่อไปเมืองไทย

เฮ้อ คืนนี้คริสคงเสร็จงานดึกหน่อย ไม่มีอะไรทำ เขียนบล็อกเล่นดีกว่า

หลังจาก(ให้คุณมาดามคนเดิมสุดสวยใจดี)จองโรงแรมที่เสม็ดให้เรียบร้อยแล้ว อาการเห่ออีกอย่างก็คืออยากได้บิกินี่ชุดใหม่ จริงๆก็มีอยู่สองสามชุดแล้วนะ แต่อยากได้ใหม่อีก ทำไมน่ะเหรอ ก็เพราะว่าก้นอ้อมมันหญ่ายขึ้นไง ฮ่ะๆ ชุดที่ซื้อมาจากเมืองไทยมันดูเล็กๆปิดบั้นท้ายไม่ค่อยมิดเหมือนแต่ก่อนแล้ว (แต่ท่อนบนนี่ไม่ยักกะมีปัญหาเดียวกันแฮะ -_-") จริงๆมีชุดที่ซื้อตอนอ้วนขึ้นแล้วชุดนึงก็คือชุดที่ซื้อไว้ตอนก่อนไปฮาวาย ชุดนั้นแจ่มมากๆ ราคาก็แสนถูก แต่ที่ใส่มันไม่ได้อีกก็เพราะว่าท่อนล่างมันได้ปลิวหายไปจากระเบียงห้องตั้งแต่อยู่ที่นั่นซะแล้ว จะซื้อใหม่ก็มิสามารถเพราะของที่ฮาวายแพงเหลือเกิน

สรุปว่าอาทิตย์ที่แล้วอ้อมออกอาการเห่ออยากออกไปซื้อบิกินี่มากๆ ลองดูออนไลน์แล้วเห็นสวยๆ ราคาไม่แพง (คือราคาเท่าๆกันกับซื้อในห้างที่เมืองไทย)ก็มีสองร้านคือ Old Navy กับ Target หิหิ เหมาะเลย มีสาขาใกล้โรงแรมทั้งสองที่ พอคริสว่างจากงานเพราะอากาศห่วยแตกก็เลยให้คริสพาไปหย่อนไว้ที่ร้าน

ขอสารภาพก่อนว่าก่อนหาบิกินี่ก็ไปซื้อเสวตเตอร์ที่ร้าน H&M มาสองตัว ก็มันลดกระจายเลยนี่นา ซื้อหนึ่งแถมหนึ่ง สองตัว $15 เอง

ทีนี้พอคริสไปหย่อนไว้ที่ Old Navy อ้อมก็เดินเข้าไปแบบหมายมาดมากๆ คือจริงๆแล้วซื้อชุดว่ายน้ำหน้าหนาวนี่เหนื่อยมาก เพราะเวลาลองนี่ต้องถอดหลายชั้นเหลือเกิน คิดดูว่าวันนั้นอากาศหนาวติดลบไปถึงไหนๆ อ้อมก็ต้องห่อตัวไปอย่างดี มีเสื้อโค้ต เสวตเตอร์ เสื้อกล้ามข้างใน ผ้าพันคอ กางเกงยีนส์ ถุงเท้า รองเท้าบู้ต แต่จิตใจมุ่งมั่นมากๆ ให้ถอดกี่ชั้นก็ยอม ชั้นจะต้องหาบิกินี่ชุดใหม่ให้ได้!!

แต่....พอเดินเข้าร้าน โหย มันกำลังลดกระหน่ำวินเตอร์เซลส์ เคลียแรนซ์เซลส์สุดๆ ประเภทลดแล้วยังลดอีกครึ่งนึง และยังไม่มีชุดว่ายน้ำวางขายเลย อ้าว ว้า เซไปเล็กน้อยแต่ด้วยเลือดนักช็อปเข้มข้นอย่างเรา สามารถเปลี่ยนวิกฤตให้เป็นโอกาสได้เสมอ ก็ไม่รีรอเข้าคุ้ยๆราวของเซลส์ทันที ได้เรื่องเลย ซื้อเสื้อยืดแขนยาวมาตัวนึงกับกางเกงขายาวผ้าคอตต้อนสบายๆเอาไว้ใส่ขึ้นเครื่อง (คิดการณ์ไกลมะ)และก็ได้แจ็กเก็ตให้คริสใส่ไปทำงานอีกตัวนึงกับซื้อให้ทิมด้วยอีกตัวเพราะมันถูกๆๆๆ เสร็จแล้วก็ไปทาร์เช(เรียกแบบสำเนียงฝรั่งเศสให้หรูหน่อย)หรือ Target ต่อ หยิบชุดว่ายน้ำไปลองห้าชุด ใส่ไม่สวยเลยซักชุด บางแบบใหญ่ไปบ้างกับช่วงบนไม่เต็มบ้าง ก็อ่ะ ไม่เป็นไร เดินออกมาดันเหลือบเห็นรองเท้าผ้าใบสีน้ำตาลน่ารักดีเลยซื้อมาแทน กะใส่ขึ้นเครื่องอีกแหละ คริสกุมขมับ นี่ภรรยาตัวเองบ้าขนาดต้องซื้อชุดใหม่ไว้ใส่ขึ้นเครื่อง สรุปวันนั้นไม่ได้ตามจุดประสงค์ดั้งเดิมแต่ได้อย่างอื่นมาแทน

วันรุ่งขึ้น จำไม่ได้แล้วว่าคริสต้องทำอะไร แต่เอาอ้อมไปหย่อนไว้ที่เดิมอีก ก็เลยเสียตังค์ที่ Old Navy อีกรอบเลย ได้เสื้อมาสามตัว ตัวละ $3.50 เท่านั้น!! โอ ถูกกว่าเมืองไทยอีก

Photobucket - Video and Image Hosting


Photobucket - Video and Image Hosting

สองตัวบนนี้ 100% silk นะคะ ทำเป็นเล่นไป

Photobucket - Video and Image Hosting

ส่วนตัวนี้ก็นุ่มใส่สบาย ไม้แขวนเสื้อนี่คนขายเขาก็ยัดใส่ถุงมาให้ด้วยนะ คุ้มขนาดไหน

Photobucket - Video and Image Hosting

กางเกงตัวนี้ผ้าดีเชียว หนาหน่อยเก็บก้นและขาดี ราคาไม่ถึง $5 เลย ว่ะ ฮ่าๆ ถูกกว่าซื้อที่เมืองไทยอีกเนาะ เดินจตุจักรให้ขาลาก เหงื่อไหลท่วมกาย หน้ามันทอดไข่ได้ยังหาของราคานี้ไม่ได้เลย


สรุปว่าไม่ได้บิกินี่ที่อยากได้แต่ได้อย่างอื่นมาแทน แถมผิดความตั้งใจที่จะรอกลับไปช็อปกระจุยที่เมืองไทยอีกต่างหาก แต่ตอนนี้ความอยากได้บิกินี่หายไปเยอะแล้ว ค่อยไปหาที่เมืองไทยก็ได้เนาะ แต่จริงๆไปเสม็ดแค่ห้าหกวันเอง ถูๆไถใส่ตัวเก่าที่มีก็ได้วะ

แถมรูปรองเท้าที่ซื้อที่ T.J. Maxx โดยใช้บัตรของขวัญที่ได้มาตอนคริสต์มาส คู่นี้เล็งมานาน รอจนมันลดเหลือ $15 แล้วค่อยซื้อมา

Photobucket - Video and Image Hosting


Photobucket - Video and Image Hosting



คราวหน้าช็อปอีกทีก็ต้องจตุจักร สยามสแควร์เท่านั้น (ของตามห้าง เช่น เซ็นทรัลไม่สนเท่าไหร่ ต่อไม่ได้) อ้อ อยากไปแพลตินัมด้วย เห็นเขาว่าเด็ดนัก เพื่อนๆคนไหนสนใจจะไปซื้อของยกโหลด้วยกันบ้าง ยกมือขึ้น!

Thursday, January 18

More pictures....

ในที่สุดวันนี้แดดก็พอออกมาบ้างและไม่หนาวจัดเท่าไหร่ อ้อมก็เลยรีบวิ่งออกไปเก็บภาพน้ำแข็งเพิ่มก่อนมันจะละลายหายไปหมด

Photobucket - Video and Image Hosting


จริงๆอยากได้รูปที่น้ำแข็งมันออกระยิบระยับในแสงแดดมากกว่านี้ แต่ถ่ายไม่เป็นอ่ะ

Photobucket - Video and Image Hosting



Photobucket - Video and Image Hosting



Photobucket - Video and Image Hosting



Photobucket - Video and Image Hosting



Photobucket - Video and Image Hosting



Photobucket - Video and Image Hosting



Photobucket - Video and Image Hosting



Photobucket - Video and Image Hosting

Tuesday, January 16

เหตุผลที่ไม่ค่อยได้อัพบล็อก

ช่วงนี้ไม่ค่อยได้อัพบล็อกเท่าไหร่ เหตุผลก็คือว่า หนึ่ง ขี้เกียจ หมดไฟ สอง มัวแต่เตรียมตัวหาที่เที่ยวที่เมืองไทยจ้า วู้ฮู้

ช่วงอาทิตย์ที่ผ่านมาหลังจากซื้อตั๋วกลับบ้านแบบค่อนข้างกระทันหัน คือ เช็คๆเว็บไซต์ของ Northwest Airlines เห็นว่ามีตั๋วลดราคาอยู่ก็เลยรีบจองไปเลย กลัวมันจะหมดซะก่อน ได้ไปวันที่ 5 กุมภา กลับ 5 มีนา

หลังจากซื้อตั๋วเสร็จก็ออกอาการกระดี๊กระด๊ามากๆ เพราะได้กลับบ้านเร็วกว่าที่คิดเยอะ หลังจากกนั้นก็เลยบ้าหาข้อมูลที่เที่ยวในเมืองไทย อยากไปทะเลที่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯมาก ทางใต้ก็เที่ยวมาเกือบหมดแล้วก็เลยอยากไปทางตะวันออกมากกว่า คือไม่เกาะช้างก็เกาะกูดหรือไม่ก็เกาะเสม็ด สรุปมาลงตัวที่เสม็ดเพราะใกล้สุดเลย พอได้เกาะก็ต้องหาที่พัก คิดมากอยู่อีกหนึ่งอาทิตย์เต็ม อ่านมันทุกเว็บทั้งไทยทั้งนอก กูเกิ้ลชื่อโรงแรมมากมาย ตามอ่านรีวิวอีกต่างหาก

สรุปมาได้ที่ Lima Bella ซึ่งเป็นรีสอร์ทเปิดใหม่หมาดๆ อุตส่าห์โทรไปถามข้อมูลเขาด้วยตัวเองเลย ที่เลือกที่นี่เพราะดูรูปในเว็บแล้วห้องดูดี และที่สำคัญก็คือ เขาลดราคาค่าห้องอยู่ครึ่งนึง เหลือคืนละ 1,990 บาทเท่านั้น แต่ไม่รวมอาหารเช้านะ เสียอยู่อย่างก็คือรีสอร์ทนี้ไม่ติดทะเล เขาบอกว่าอยู่ห่างจากหาดทรายแก้วประมาณ 100 เมตร ซึ่งก็โอเค เดินได้อยู่แล้ว และรีสอร์ทก็มีสระว่ายน้ำด้วย คงไม่ต้องถ่อไปที่หาดเพื่อลงน้ำทุกวัน

หลังจากที่หมกมุ่นเรื่องไปเที่ยวอยู่เป็นอาทิตย์ๆ ตอนนี้ก็หายตื่นเต้นไปนิดนึงแล้ว เพราะได้ที่พักเรียบร้อย ที่ต้องเป็นกังวลมากกว่าก็คือเมื่อไหร่จะได้กลับบ้านไปเตรียมตัวแพ็คกระเป๋ากลับเมืองไทยเสียทีก็ไม่รู้ แง้ๆๆ งานที่นิวยอร์คนี่ไม่เสร็จสักที เพราะอากาศไม่เป็นใจเลย ตามกำหนดการจริงๆ งานนี้ควรจะเสร็จแล้วอาทิตย์นี้ แต่นี่ยังเหลืองานให้ทำอีกตั้งหลายวันเพราะไม่ฝนก็หิมะมันตกกันจัง คนงานคริสก็ทำงานไม่ได้เลย เสียเวลามากๆ ดูอย่างเมื่อวานนี้ ไม่ใช่แค่ฝนตกอย่างเดียว แถม ice storm มาอีกต่างหาก ฝนน้ำแข็งค่ะ คือฝนตกและอากาศหนาวจัด ทุกอย่างก็เลยเป็นน้ำแข็งไปหมด

Photobucket - Video and Image Hosting

หน้าโรงแรม ขาวไปหมดด้วยน้ำแข็ง

Photobucket - Video and Image Hosting

คริสกำลังขูดน้ำแข็งที่รถ ศรีภรรยาอย่างอ้อมไม่ช่วยนะ เดินไปถ่ายรูปเล่นๆดีกว่า สวยดี (หลังจากนี้คริสก็ต้องไปเช็คอุปกรณ์ที่จ๊อบไซต์ ส่วนอ้อมไปช็อปปิ้งรอซะ ศรีภรรยามากๆเลย)




เมื่อวานเป็นน้ำแข็ง วันนี้ตื่นเช้ามาเป็นอย่างนี้ หิมะตกซ้ำ -_-"

Photobucket - Video and Image Hosting


Photobucket - Video and Image Hosting



และมันก็ตกมาเรื่อยๆ ตอนนี้หนาประมาณสามสี่นิ้วได้แล้ว

Photobucket - Video and Image Hosting


Photobucket - Video and Image Hosting


แต่ยังดีที่คริสเพิ่งโทรมาบอกว่าวันนี้คนงานยังพอทำงานได้มั่ง คือถ้างานที่แท้งค์เสร็จเมื่อไหร่ คริสต้องขับรถลากของกลับบ้านอีก 8 เที่ยว!!! ก็แปดวันเต็มๆ เพราะอย่างนั้นเวลามันเหลือไม่เยอะแล้ว แต่ไม่ว่าจะยังไงก็ตามสองสามีภรรยาคู่นี้ จะต้องไปเมืองไทยให้ได้เจ้าค่า

Photobucket - Video and Image Hosting

See you all real soon!!

Thursday, January 11

Taggedddddddd!!

เอ่อ....หมู่นี้ขี้เกียจเขียนบล็อกอย่างแรงแต่จู่ๆก็โดนแพรว tag ซะงั้น ก็ดีเลย เหมือนได้โจทย์มาให้เขียน

tag คืออะไร ตอนแรกก็ไม่รู้หรอกจนตามไปอ่านบล็อกแพรวแล้วถึงได้รู้ว่า มันก็คล้ายๆจดหมายลูกโซ่แต่ไม่มีการแช่งกันถ้าไม่ส่งต่อนะ ใครที่โดน tag ก็จะต้องเขียนเรื่องเกี่ยวกับตัวเองที่คนทั่วๆไปไม่ค่อยรู้ 5 ข้อลงบล็อก ซึ่งก็ยากหน่อยเพราะมีอะไรอ้อมก็เขียนลงบล็อกโหมะเลย ไม่ค่อยมีความลับเท่าไหร่ ไอ้เรื่องที่ไม่ได้เขียนนี่ก็เพราะมันเป็นความลับดำมืดจริงๆ ฮ่าๆ

เอาล่ะ จะพยายามแล้วกัน

Five things you may not know about me:

1. เป็นคนเรียนดีแต่ขี้เกียจมากๆ ยึด economy principle เป็นกฎประจำตัว คือทำอะไรก็ได้ให้ได้ผลสูงสุดโดยใช้พลังงานน้อยที่สุด (หรือประหยัดพลังงานให้มากที่สุด) ตอนเรียนหนังสือก็อ่านหนังสือเท่าที่จำเป็นที่จะเรียนได้ดีเท่านั้น (เผอิญจับทางถูกหรือไงก็ไม่รู้เลยเรียนเก่ง) ตอนเรียนที่อักษรฯก็ไม่เคยเลยที่จะไปยกมือถามอาจารย์หรือไปหาอาจารย์หลังเลิกเรียน เรียกได้ว่าไม่มีความเพียรในการเรียนรู้เลย ให้มาเท่าไหนก็เอาเท่านั้น เรื่องขี้เกียจเวลาเรียนนี่เห็นชัดมากตอนเรียนปริญญาโทที่ฮาวาย สองสามเทอมหลังนี่อ้อมทำ papers ของหลายคอร์สโดยที่เขียนเกี่ยวกับหัวข้อเดียวนี่แหละ พลิกแพลงเขียนมันหลายๆด้านตามแต่แนววิชาไป ด้วยความขี้เกียจไปห้องสมุดหา literature เรื่องใหม่ๆ ไหนๆมีอยู่แล้วก็เอาเรื่องนี้แหละวะ เขียนมันเข้าไป

ยืนยันความขี้เกียจของตัวเองได้ด้วยการอยู่เฉยๆในห้องในโรงแรมได้มาเป็นเวลาหลายเดือนแล้วตั้งแต่มาอเมริกานี่

2. เป็นคนทำอะไรลวกๆเร็วๆ อ่านหนังสือก็อ่านเร็ว บางทีก็มีอ่านผิดบ้าง อันนี้ตรงข้ามกับคริส เขาจะค่อยๆทำ ออกแนวละมุนละไม เคยเห็นมั้ยเวลามือบางคนเวลาจับของจะดูนุ่มๆบอบบาง คริสจะออกแนวนั้น ส่วนอ้อมจับอะไรก็จะคว้าหมับ ไม่ค่อยใส่ใจมาก ทำอะไรผุบผับๆเป็นประจำ (เอ ผุบผับนี่มันเป็นคำรึเปล่า) บางทีก็ใจร้อนแต่บางทีก็ใจเย็นได้มากๆเช่นกัน

3. เคยอยากเป็นอะไรมากมายยกเว้นเป็นครูซึ่งไปๆมาๆกลายเป็นอาชีพหลักอาชีพเดียวที่เคยทำ ตอนสอบเอ็นท์ก็ไม่ยอมเลือกครุศาสตร์เพราะกลัวต้องเป็นครู แต่พอเรียนจบดันได้งานแรกเป็นงานสอนภาษาอังกฤษซะ (จริงๆจบเอกฝรั่งเศส) พอทำๆไปก็ไม่รู้จะไปทำอะไรอย่างอื่นแล้ว แต่ทำๆไปแล้วก็ชอบนะ มีความสุขดีแต่ก็อดคิดไม่ได้เหมือนกันว่าอยากลองทำงานบริษัททั่วๆไปบ้าง

เคยชอบวาดรูปมากๆ ตอนเด็กๆพ่อกับจะหากระดาษปอนด์อย่างดีแผ่นใหญ่มาให้วาดรูปเล่น อ้อมก็จะนอนวาดรูปได้ทั้งวัน ไม่ได้วาดอะไรที่มันครีเอทิฟมากหรอกส่วนใหญ่วาดรูปผู้หญิงใส่เสื้อสวยๆ เคยอยากเป็นดีไซเนอร์ถึงกับขอแม่เรียนตักศิลาแต่แม่หลอกล่อด้วยการบอกว่าให้เรียนปริญญาตรีให้จบก่อนแล้วจะให้เรียน พอเรียนจบจริงๆก็ไม่ได้เรียนซะแล้ว ทำงานทำการไปเรียนต่อโทอย่างอื่นซะนี่

เคยอยากเป็น interior designer ด้วย แต่ยอมแพ้ไปเพราะคิดว่าตัวเองวาดภาพไม่เก่ง หัวไม่ศิลป์พอที่จะเอนท์ติดมัณฑณศิลป์ได้

เคยอยากเปิดร้านหนังสือน่ารักๆ

เคยอยากเปิดร้านขายกาแฟ..น่ารักๆ

เคยอยากเปิดร้านขายดอกไม้...น่ารักๆ

เคยอยากเปิดเกสต์เฮาส์....น่ารักๆอีกแหละ

จริงๆไอ้ที่อยากสี่อย่างหลังนี่ ตอนนี้ก็ยังอยากอยู่

4. เลือดสีชมพูเข้มข้นเพราะเรียนสาธิตจุฬาฯ 12 ปีเต็ม (สอบติดเตรียมฯก็ไม่ไป ที่เรียน 12 ปีเต็มก็เพราะขี้เกียจไปสอบเทียบ) พ่อก็สอนที่จุฬาฯ แม่ก็จบจุฬาฯ พี่ก็เรียนจุฬาฯ แต่จริงๆอยากแหวกม่านประเพณีไปเรียนธรรมศาสตร์มากๆ เพราะอยากไปอยู่หอ ฮ่าๆ อยากเรียนโบราณคดี ศิลปากรด้วยแต่พอจะเลือกแล้วโดนอาจารย์แนะแนวว่าว่าจะเลือกไปทำไมอยากออกมาขุดดินเหรอ สุดท้ายก็เลือกอักษรฯจุฬาฯเป็นอันดับแรกตามกระแสคนเรียนศิลป์ภาษา แล้วก็สอบได้เรียนจุฬาฯไปอีกสี่ปี สรุปก็ 16 ปีที่อยู่จุฬาฯ นี่ถ้าไม่ได้ทุนไปเรียนที่ฮาวายซะก่อนก็คงเรียนปริญญาเอกต่อที่จุฬาฯอีกห้าปีไปแล้ว

5. ตอนเป็นอาจารย์หมาดๆเทอมแรกเลยที่สอนหนังสือหน้าห้อง ซุ่มซ่ามขนาดตกเวทียกพื้นหน้าห้องสองรอบภายในคลาสเดียวกัน คือกำลังเล็กเชอร์ทบทวนก่อนสอบ ก็พูดไปเขียนกระดานไปด้วยความเมามัน เดินไปพูดไปเขียนไปจนสุดกระดานแล้วลืมไปว่าพอสุดกระดานมันก็มันสุดยกพื้นเหมือนกัน ดันก้าวต่อไปก็เลยร่วงตกจากยกพื้นหน้าห้องไปเลย ดีที่ไม่สูงมากแค่ขั้นเดียวแล้วตรงนั้นก็มีโพเดียมบังอยู่ คือจากมุมที่นักศึกษาเห็นก็จะเป็นแบบอยู่ๆอาจารย์ก็ผลุบหายไปเลย ร่วงไปก็ไม่เป็นไร ลุกขึ้นมาเริ่มใหม่ เสียหน้าเล็กน้อย เอ้า ลบกระดานเริ่มเขียนใหม่ เขียนไปพูดไปแบบเดิมอีก จนสุดกระดาน....แล้วก็ตกยกพื้นไปอีกรอบ ฮ่าๆ

เขียนไปเขียนมาชักสนุกแฮะ

ขอแปะโป้ง tag คนอื่นต่อดังนี้ค่ะ

พี่มิว (Mutation)
คุณโรส (Fishbud's Bowl)
เกตุ (I am Gade)
กุล (dAy By dAy)
พี่ปุ้ย (UmaTheDevil) อันนี้ฝากไป tag สาวๆบอร์ดอังเคิลแซมต่อด้วยนะคะ

Monday, January 8

หมูย่าง อาหารอิตาเลียน และไข่เจียวตอนเช้า

รวมมิตรเรื่องอาหารที่ผ่านมาในช่วงสามสี่วันที่ผ่านมาค่ะ

จากที่ตอนที่แล้วทำบุลโกกิ อ้อมก็หมักหมูไว้ด้วย น้ำหมักก็คล้ายๆกันแต่อ้อมใส่ขิงกับซอสพริกเพิ่ม คือตามสูตรนี่เขาใช้พริกป่นเกาหลีแต่หาไม่ได้ก็เลยใส่ซอสพริกลงไปแทน ผลปรากฏว่าไม่เวิร์คเท่าไหร่ คือมันไม่เผ็ด ไม่ออกรสแต่ทอดแล้วไหม้ง่ายมากๆ แต่ก็อร่อยใช้ได้แหละ

Photobucket - Video and Image Hosting

Photobucket - Video and Image Hosting


ต่อด้วยอาหารอิตาเลียนร้าน Basil ร้านเดิมที่เคยไปทานมาแล้วรอบนึง ไปทานมาเมื่อคืนวันศุกร์ ทำผิดกฎตัวเองสั่งแอพมาหนึ่งอย่างแล้วยังสั่งจานหลักกันคนละจาน

Photobucket - Video and Image Hosting

ขนมปังอบมี cottage chees, Italian Sausage, mozarella cheese, tomato, basil โปะหน้า อร่อยมากๆ

Photobucket - Video and Image Hosting

คริสสั่งสามสหายมา (ชื้อที่ร้านเรียกว่าอะไรก็ไม่รู้ จำไม่ได้แล้ว) อันนี้สองอย่างแรก ทางซ้ายเป็นเครปไส้ชีส อร่อยเยิ้ม ทางขวาเป็นลาซานย่า

Photobucket - Video and Image Hosting

อีกหนึ่งที่เหลือคือ chicken parmigiano

Photobucket - Video and Image Hosting

จานของอ้อมคือ Linguine di Mare ลิงกวินี่รวมมิตรทะเลซอสไวน์ขาว อุดมไปด้วยกุ้ง หอยแมลงภู่ หอยลาย หอยเชล อร่อยมาก แต่ก็ตามฟอร์มเดิมก็คือพอทานแอพกับสลัดเสร็จ อ้อมก็อิ่มแล้ว จิ้มส้อมม้วนพาสต้าทานได้สองสามคำ(ใหญ่ๆ) อ้อมก็จุก ที่เหลือเก็บกลับมาทานเย็นวันถัดไป

ปิดท้ายด้วย omlette ที่ทำให้คริสทานเมื่อเช้าวันเสาร์ ปกติตอนเช้าอ้อมทำ scrambled eggs ให้คริสทานอยู่แล้ว แต่ถ้าเป็นวันที่คริสไม่ต้องไปทำงานก็พิเศษหน่อย

วิธีทำดูสไลด์เลย มีอะไรเหลือๆก็ใส่เป็นไส้ได้ทั้งนั้น อ้อมใส่ชีส ไส้กรอก หอมใหญ่ มะเขือเทศ เคล็ดลับก็คือใส่นมเยอะนิดนึงให้ไข่นุ่มๆไม่แห้ง และใช้ไฟอ่อนเวลาทอดไข่ ไข่ฝรั่งนี่ต้องทะนุถนอม จะใช้ไฟร้อนๆทอดฟูๆบึ้มๆแบบไข่ไทยม่ายด้าย



ออกมาเป็นยังงี้ ทานกับขนมปังปิ้ง (toast)

Photobucket - Video and Image Hosting

ทำเสร็จแล้วเพิ่งเห็นว่าลืมใส่มะเขือเทศก็เลยเอามาโปะหน้าแทน จริงๆกระทะมันเล็กไปหน่อยเลยห่อไม่สวย

Thursday, January 4

bulgogi & chap che

Photobucket - Video and Image Hosting


ตั้งแต่กลับมานิวยอร์คหลังคริสต์มาสก็ทำกับข้าวมาตลอด แต่ไม่ได้ถ่ายรูปไว้เท่าไหร่ เพราะทำแต่เมนูเดิมๆ เช่น chicken kara-agge, cabonara, grilled sandwiches

สามสี่วันก่อนเพิ่งได้ลองทำเมนูใหม่ คือ bulgogi เนี้อย่างเกาหลี กับ chap che ผัดวุ้นเส้นเกาหลี ทั้งสองอย่างเป็นเมนูโปรดของทั้งอ้อมและคริส เวลาทานอาหารเกาหลีทีไรก็ไม่พ้นสองอย่างนี้แหละ พอดีเพิ่งซื้อหนังสือทำกับข้าวเกาหลีมาด้วยหนึ่งเล่ม ก็เลยลองเปิดๆดูเมนูดู ร่วมๆกับดูสูตรของคุณบุก


อ้อมหมักเนื้อที่ซื้อสำเร็จมาแบบสไลด์บางๆมาแล้วกับซีอิ๊ว น้ำตาล mirin น้ำมันงา กระเทียมสับ และใส่เกลือไปนิดหน่อย เพราะกลัวรสไม่จัดพอเนื่องจากไม่ได้หมักข้ามคืนแต่หมักตอนสายๆแล้วทอดตอนเย็น ในหนังสือเขาบอกให้ใช้เนื้อ rib eye steak แล่บางๆ แต่อ้อมหาไม่ได้ก็เลยใช้เนื้อที่เขาสไลด์ไว้ทำ beef sandwich ในซุปเปอร์ทั่วๆไปแทน ไม่นุ่มเท่า rib eye steak แต่ก็พอได้ ไม่เหนียวเพราะมันบาง ตอนทำให้สุกก็ควรจะย่าง แต่เนื่องจากไม่มีเตาย่าง ก็เลยใช้ทอดแบบไม่ใส่น้ำมันใน grid pan กระทะแบนๆแทน กะว่าผัดๆให้ออกมาแห้งหน่อยแหละ คิดเอาเองว่าถ้าทอดในกระทะทั่วไป คงออกมาแฉะไปหน่อย ก็ออกมาอร่อยดี เนื้อออกเค็มๆหวานๆ ฉ่ำๆ

ส่วน chap che ก็ผัดผักใส่วุ้นเส้นนั่นแหละ ซอยกะหล่ำปลี แครอท หอมใหญ่ ต้นหอม ไว้ ตั้งน้ำมัน ใส่กระเทียมซอย ผัดให้หอม ใส่ผัก แล้วก็ใส่วุ้นเส้น ปรุงรสด้วยซีอิ๊ว น้ำตาล น้ำมันงา เสร็จแล้ว เนื่องจากอ้อมไม่มีวุ้นเส้นเกาหลีแบบเส้นใหญ่ๆหนาๆ ก็เลยออกมาไม่น่าทานเท่าไหร่ แต่ก็อร่อยดี ใส่ผักไปเยอะมากเพราะอยากให้คริสทานผักเยอะๆ

Photobucket - Video and Image Hosting

หน้าตาไม่น่าทานแต่ก็อร่อยน้า จริงอยากทำพวกผักดองเกาหลีทานด้วยแต่ยังหาซื้อพริกป่นเกาหลีไม่ได้

Monday, January 1

นิ้วบวมๆก่อนปีใหม่

ช่วงก่อนคริสต์มาส นิ้วชี้ซ้ายโดนอะไรบาดก็ไม่รู้ตรงจมูกเล็บ แผลตริ๊ดเดียวแหละ แต่มันแสบแบบรู้สึกได้เลยหลังจากนั้นว่ามันจะต้องอักเสบ แต่ก็ยังนิ่งนอนใจ ไม่ได้ล้างแผล ผลก็คือหนึ่งอาทิตย์ให้หลังนิ้วบวมเลย ทั้งบวมทั้งช้ำแถมปวดด้วย บางทีก็ปวดมาก บางทีก็ปวดน้อย บางทีก็ปวดตุบๆเป็นจังหวะ เกิดมาก็ไม่เคยติดเชื้ออักเสบขนาดนี้มาก่อน เพราะเป็นหญิงบึก(ที่ร่างกายบอบบาง ฮ่าๆ) วันหลังคริสต์มาสก่อนมานิวยอร์คก็เลยลองเจาะดู ให้คริสจิ้มเข็มให้ตรงที่เนื้อมันแดงๆนิ่มๆ กรี๊ดส์ โคตรเจ็บเลย แถมไม่มีหนองออกมาด้วย มีแต่เลือดนิดหน่อย ก็เลยต้องปล่อยทิ้งไว้ให้มันบวมต่อไป จนมาที่นิวยอร์ค มันก็ยังบวมอยู่ ดูรูปมีอเหี่ยวๆข้างล่างประกอบได้

Photobucket - Video and Image Hosting

ในรูปอาจดูเหมือนบวมไม่เยอะ แต่ขอบอกว่านิ้วตึงมากๆ งอข้อนิ้วแรกแทบไม่ได้เลย หลังจากปรึกษาสาวๆในเว็บบอร์ดแล้ว ก็คิดว่าต้องเจาะ พอโทรไปหาพ่อกับแม่ พ่อก็บอกให้เจาะ ไม่งั้นก็ทานยาแก้อักเสบเอา แต่อ้อมรำคาญอยากให้มันหายๆไปซักที ตอนนั้นก็พอเห็นหัวหนองมันชัดขึ้นมาหน่อยแล้วด้วย ติดกับเล็บเลย (ตอนแรกเจาะผิดที่ถึงเจาะไม่ออก) ก็เลยจัดการพิฆาตหนองซะ เอากรรไกรที่ใช้เล็มหนังข้างเล็บปลายแหลมๆ ลนไฟเช็ดด้วยไฮโดรเจนเพอร็อกไซด์แล้วก็เจาะเลย ดูภาพประกอบจุดที่เป็นหัวหนองก่อนเจาะ

Photobucket - Video and Image Hosting

จริงๆก็แค่สะกิดมันนิดหน่อยน่ะ แล้วก็ทนปวดบีบบบบบบบนิ้ว รีดเอาหนองออก ปรากฏว่า...อุแม่เจ้า หนองออกมาขนาดใหญ่เท่าเม็ดถั่วเขียวเม็ดเป้งๆได้ อี๋ย์ๆๆๆ แต่ภูมิใจมากขนาดต้องเรียกคริสให้มาดู ฮ่ะๆๆ เสร็จแล้วก็เช็ดทิ้งไป พยายามรีดๆทั้งหนองทั้งน้ำเหลืองออกอีกนิดหน่อย แล้วก็ล้างแผล ตอนนั้นก็ยังปวดๆอยู่นะ แต่พอตื่นขึ้นมาก็หายปวดแล้ว แต่นิ้วยังบวมอยู่ จับดูจะรู้สึกเลยว่าใต้หนังมันมีโพรง คงเป็นเพราะไม่มีหนองแล้ว รูปตอนเจาะและหลังเจาะไม่มีให้ดูนะคะ แค่นี้ก้รู้สึกว่าตัวเอง sick (วิปริต)เกินไปหน่อยแล้ว ฮ่าๆ

ตอนนี้นิ้วก็เกือบหายแล้วแหละ บวมนิดเดียว แต่เป็นอุทาหรณ์สอนใจว่า ถ้าโดนอะไรบาดมาจะแผลเล็กแผลใหญ่ก็ควรจะล้างแผลซะทันที เข็ดเลยคราวนี้

ที่เอาเรื่องหยะแหยงๆมาเขียนนี่ก็เพราะไม่มีอะไรจะเขียนอ่ะค่ะ เมื่อวานคือวันสุดท้ายของปี 2006 อ้อมกับคริสก็ไปเดินเล่นที่มอลล์ อ้อมทำตัวดีมากๆ ไม่ซื้ออะไรเลยนอกจากตุน foam burst เจลอาบน้ำสุดโปรดของ Bath & Body Works ที่ลดราคาประจำปีอยู่ อ้อ ได้สเปรย์ตัวกลิ่นส้มๆมาหนึ่งขวด ลดไป 75% เหลือไม่ถึงห้าบาท แต่ไม่ได้ซื้อเสื้อหรือรองเท้าเลย ตอนนี้จะพยายามไม่ซื้ออะไร เป้าหมายของปีนี้ก็คือจะกลับไปช็อปสะบั้นที่เมืองไทย แต่ยังไม่รู้ว่าเมื่อไหร่เลย เมื่อคืนอ้อมกับคริสก็ไม่ได้ไปเคานท์ดาวน์ที่ไหนด้วย กลับมาที่ห้องก็ผลัดกันง่วงหลับๆตื่นๆกันไป มาลืมตาเอาตอนเที่ยงคืนเห็นลูกบอลที่ไทม์สแควร์ในนิวยอร์คแตก แล้วก็หลับต่อ

แต่ยังไงก็ขอสวัสดีปีใหม่ทุกๆคนตรงนี้อีกรอบนะคะ

Photobucket - Video and Image Hosting

ปล. รูปนี้เกิดจากความพยายามเรียนรู้การทำกราฟฟิคในโปรแกรม photo editing ชื่อ photo filtre ที่ใช้อยู่ ยังไม่มีปัญญาซื้อ/ใช้โฟโต้ช็อปค่ะ

ปล.2 กรุณาอย่าถามถึง new year's resolutions ยังไม่ได้คิดเลยค่ะ ปีที่แล้วที่คิดไว้ยังทำไม่ได้ซักอย่าง ตอนนี้แค่คิดว่าทำหน้าที่ของตัวในแต่ละวันให้ดีที่สุดเท่านั้นเป็นพอ