Friday, February 29

เรื่องเล่าจากซาอุ (ตอนที่ 6): เที่ยวเมืองเก่า Old Dar'iyah (เพิ่มรูปค่ะ)

แวะมาแปะรูปเมือง Old Dar'iyah ให้ดูกันเพิ่มค่ะ ขอบอกว่าส่วนใหญ่คริสเป็นคนถ่าย แหะๆ แต่อ้อมทำเนียนทำลายน้ำเป็นชื่อตัวเองเพราะขี้เกียจ

อ้อมเองเดินตุ้มต๊ะตุ้มตุ้ยไปเรื่อยๆก็เหนื่อยแล้วค่ะ บางทีต้องเดินข้ามคูที่เขาขุดไว้ด้วย มีอยู่ตอนนึงคุณคริสบอกให้โดดข้ามเอา โหหหหหห เมียท้องโย้ขนาดนั้นมีบอกให้โดดข้ามคู มันไม่กว้างเท่าไหร่หรอกค่ะ แต่อ้อมก็ไม่ยอมโดด บ้า โดดไม่ข้ามตกลงไปก็แย่อ่ะสิ สรุปว่าคนงานก่อสร้างที่อยู่แถวนั้นเห็นแล้วคงสงสาร ก็เลยเอาไม้มาพาดให้ เชอะ สามีชั้น ไม่ได้สงสารคนแบกพุงอย่างเราเล้ย

Photobucket


Photobucket


Photobucket


Photobucket


Photobucket


Photobucket


Photobucket


Photobucket


Photobucket


ปิดท้ายด้วยรูปประตูเก่าๆค่ะ

Photobucket


Photobucket


Photobucket


ปล. ตอนนี้สบายดีทั้งแม่และลูกค่ะ อาทิตย์ที่แล้วกังวลว่าเจดดิ้นน้อยลงไปหน่อย เลยไปหาหมอ เจอหมอสั่งอัลตราซาวนด์แบบละเอียดเข้าไป จ่ายตังค์ไป 500 riyals (ก็ห้าพันห้าร้อยบาทได้) พอแม่เสียเงินเท่านั้นลูกก็ดิ้นโชว์หมอทันทีเลย คริสบอกว่าแล้วเชียว ฮ่าๆ แต่ทำไงได้เสียตังค์ค่า peace of mind ไปอย่างแพง แต่ก็ดีกว่าเป็นอะไรไปแล้วแก้ไขไม่ทันเนอะ

Wednesday, February 20

เข้าไตรมาสที่สามแล้วค่ะ

มาอัพเดทรูปพุงหน่อย ตอนนี้ก็เข้าไตรมาสที่สามแล้ว เพิ่งไปหาหมอมาเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว ก็ไม่มีอะไรมาก หมอเช็คคร่าวๆให้ ฟังเสียงหัวใจเจดเต้นก็ปกติแข็งแรงดี แต่ที่ไม่ดีก็คือน้ำหนักอ้อมขึ้นมาตั้งสามโลในเดือนเดียว หมอเตื่อนว่าเยอะไปหน่อย ถ้าขึ้นขนาดนี้ทุดเดือนกว่าจะคลอดก็แย่พอดี ตัวใหญ่เกิน ตอนนี้ก็เลยงดทานของหวานๆไปแล้ว หวังว่าจะดีขึ้นหน่อย ตอนนี้น้ำหนักก็อยู่ที่ 57.5 กิโล ขึ้นมารวม 9 กิโลแล้ว แหะแหะ ตอนแรกนน.ไม่ค่อยขึ้นก็วางใจ ที่ไหนได้พอเข้าไตรมาสที่สองนี่บวมเอาๆ คาดว่ากว่าจะคลอดต้องทะลุ 60 กิโลแหงๆ

Photobucket


อาการคนท้องตอนนี้ก็ทั่วๆไปค่ะ มีเมื่อยขาเมื่อยก้นทุกวัน วันไหนใช้ขาเดินยืนนานๆ เท้าก็บวม แต่พอเทอมนี้ได้สอนน้อยลง แค่วันละสามชม.ก็ดีขึ้นมากๆ แต่ที่ทำงานก็เสียอย่างตรงที่ต้องเดินขึ้นลงบันไดเยอะหน่อย ทำให้มีเหนื่อยบ้าง ก็อาศัยค่อยๆเดินเอา

สุดท้ายก็คือตอนนี้รู้สึกว่าเจดดิ้นได้ชัดเจนมาก ทั้งเวลาเจดสะอึกหรือเคลื่อนไหวเต้นดิสโก้อยู่ในพุง บางครั้งพุงที่โย้ซ้ายโย้ขวาเลย เพิ่งมีสักสองวันที่ผ่านมาที่รู้สึกจะเงียบไปหน่อย ดิ้นไม่แรงมาก ไม่รู้เพราะอ้อมงดทานของหวานรึเปล่า น้ำตาลน้อยไปหน่อย เลยไม่ค่อยคึก แต่ก็ยังรู้สึกว่าเจดเคลื่อนไหวอยู่ค่ะ

เหลืออีกสามเดือนเท่านั้น!!

Thursday, February 14

เรื่องเล่าจากซาอุ (ตอนที่ 5): ชั้นไม่ใช่น้องปินส์!!

ตั้งแต่มาอยู่ที่ซาอุนี่ก็สามเดือนจะสี่เดือนเข้าไปแล้ว ขอสารภาพว่าภาษาอารบิคนี่ยังไม่กระดิกเลยค่ะ ทำไมน่ะเหรอ ก็นอกจากจะใช้ภาษาอังกฤษที่บ้านกับคุณคริส ที่ทำงานก็พูดอังกฤษตลอดเหมือนกัน จะไปขอให้นักเรียนสอนภาษาอารบิคให้ก็กลัวจะโดนไล่ออกซะก่อนค่ะ ที่สำคัญอยู่ที่นี่ไม่ต้องพูดอารบิคก็เอาตัวรอดได้แล้วเพราะไม่ว่าจะทำอะไร ไปซื้อของที่ไหน ก็ใช้ภาษาอังกฤษได้หมด เพราะว่าแรงงานทั้งหลายที่นี่เนี่ย ต่างด้าวทั้งนั้นค่ะ จากข้อมูลในวิกิพีเดีย ซาอุมีประชากรทั้งหมด 27 ล้านคน เป็นต่างด้าวที่เข้ามาทำงานซะห้าล้านกว่าคน ส่วนใหญ่ก็จะมาจากอินเดีย ปากีสถาน และบังกลาเทศ ที่มีมากไม่น้อยหน้าแขกทั้งหลายก็หมู่เหล่าฟิลิปปินโน เพื่อนบ้านเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของเรานี่แหละ อยู่ที่นี่กันร่วมล้านคนเหมือนกันค่ะ

เนื่องจากมีน้องปินส์อยู่กันมากขนาดนี้ เดินไปทางไหนก็จะเจอน้องปินส์เต็มไปหมดค่ะ ถ้าเป็นผู้หญิง (เรียกว่าฟิลิปปินนา) ก็ทำงานเป็นพยาบาลในโรงพยาบาลบ้าง แต่ส่วนใหญ่ก็เป็นแม่บ้าน คนใช้ คนเลี้ยงลูก ค่ะ เรียกว่าไปห้าง ไปซุปเปอร์มาร์เก็ตเนี่ย เจอน้องปินส์เต็มไปหมด รู้ได้ไงว่าเป็นน้องปินส์เหรอคะ ง่ายมาก หน้าเขาก็เหมือนหน้าเรานั่นแหละ ใส่ abaya ไม่คลุมหัวทำตัวเป็น infidels เดินกันขวักไขว่ให้คนซาอุเหล่ ฮ่าๆ หน้าเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อย่างเราก็กลืนไปกับเขามากๆ บ่อยครั้งเลยที่มีคนเดินเข้ามาเว้าตากาล็อกด้วย ก็ได้แต่บอกเขาว่าบ่ใช่ฟิลิปปินน่าเด้อ บางทีนั่งๆอยู่คนเดียวในห้าง หนุ่มฟิลิปปินส์เดินผ่านไปก็มีแอบแซว แต่ขอโทษ ฟังไม่ออกฮ่ะ เลยไม่รู้จะยิ้มรับเพราะเขาชมหรือทำเชิดใส่ดี

เวลาไปซื้อของก็จะมีคนถามค่ะ ว่ามาจากไหน ส่วนใหญ่เขาก็ไล่ไป ตั้งแต่ฟิลิปปินส์ มาเลย์เซีย อินโดนีเซีย ก็บอก โนว์ โนว์ โนว์ ไทยแลนด์เฟร้ย ไม่เคยมีใครทายถูกเลยค่ะว่ามาจากเมืองไทย สงสัยแรงงานไทยไม่มีมาที่นี่นานมากแล้วจริงๆ

ทีนี้ไอ้ถูกทักว่าเป็นฟิลิปปินนานี่มันก็ไม่น่าเจ็บใจเท่าไหร่หรอกค่ะ ทำใจได้ หน้ามันเหมือนๆกัน ยิ่งเดินไปทางไหนกับคริสนี่ก็มีคนมองทั้งสาวซาอุและสาวปินส์ คงเห็นว่าเราโชคดี ได้แต่งงานกับฝรั่งด้วยเว้ยเฮ้ย ฮ่าๆ แต่บางทีดันมาปฏิบัติกับเราแบบเราเป็นคนใช้เหมือนกันนี่สิเซ็งเลย ที่เจอครั้งแรกก็ตอนไปโรงพยาบาลรัฐเพื่อตรวจสุขภาพทำใบต่างด้าวที่เรียกว่า iqama ตอนนั้นก็มีคนมาเตือนแล้วนะว่าอย่าไปรพ.รัฐเล้ย ยอมเสียเงินไปรพ.เอกชนดีกว่า แต่คนขับรถของที่ทำงานยืนยันว่าจะพาไปรพ.รัฐ เราก็อ่ะ หยวนๆ ไปก็ได้ ลองดู ก็ไปพร้อมกับคริสนั่นแหละ ไปถึงก็แยกกันเพราะที่นี่มันแยกชายหญิงหมด ส่วนที่เป็นของผู้ชายก็ดูดีเชียวค่ะ คริสเข้าไปติดต่อก็ไม่มีปัญหาอะไร มีคนพูดภาษาอังกฤษด้วยอย่างดี แต่ไอ้ของอ้อมนี่ เข้าไปแล้วท้อเลย สถานที่ก็ไม่ค่อยจะสะอาด ป้ายบอกทางบอกขั้นตอนอะไรก็ไม่มีทั้งนั้น เข้าไปถามก็ได้แต่โดนปัดมือส่งๆออกมา ว่าให้ไปทางนั้นทางนี้แบบเสียไม่ได้ เหมือนเราเป็นชนชั้นแรงงานขั้นต่ำอ่ะ ไอ้เราก็ต้องไปต่อคิวทางนั้นทางนี้หลายรอบมากๆ แถมต้องคอยกันคนที่จะมาแซงคิวอีก นอกจากนี้ก็แอบสยองในความสกปรกของสถานที่ไปด้วย ท้องก็ท้องอยู่ กลัวมากๆว่าจะติดเชื้ออะไรมาก็ไม่รู้ตอนเจาะเลือด หรือไม่ก็จะโดน x-ray ปอด สุดท้ายเสียเวลาไปสามชม.เต็ม ไม่ได้อะไรเลย!! ต้องไปรพ.เอกชนอีกรอบ เสียตังค์ไป 300 riyals มีคนพูดภาษาอังกฤษรู้เรื่องคอยบอก ใช้เวลาทำเรื่องทั้งหมดเสร็จภายใน 20 นาที -_-"

อีกครั้งนี่ฮากว่า กำลังเลือกแตงโมอยู่ในซุปเปอร์มาร์เก็ต อยู่ๆก็มีหนุ่มซาอุเข้ามาช่วยเลือก บอกลูกนั้นดี ลูกนี้ไม่ดี ไอ้เราก็ขยับถอยห่างไปสองก้าว แล้วก็ขอบอกขอบใจเขาไป คุณพี่แกเลยได้ทีเกริ่นมาเลยฮ่ะ "You know, my wife and I are looking for a maid...." -_-" ฮ่วย หาคนใช้แล้วมาเกี่ยวอะไรกับตรูด้วยวะ แต่ก็ทำตัวเป็นคนดีบอกเขาไปว่า "urrrr, I just got here. I don't know anyone." แล้วก็เดินหนีเขามาค่ะ แต่ในใจงี้แอบแค้น ชั้นไม่ใช่น้องปินส์นะ(ยะ)!!!!

Monday, February 11

เรื่องเล่าจากซาอุ (ตอนที่ 4): เที่ยวเมืองเก่า Old Dar'iyah

Photobucket


วันนี้พาเที่ยวเมืองเก่า Dar'iyah (อ่านว่าดะเรียห์)ที่อยู่นอกตัวเมืองริยาดห์ทางตะวันตก ขับรถไปแค่ครึ่งชม.(แบบไม่หลง)ก็ถึงแล้วค่ะ

Photobucket


Photobucket


Photobucket


Photobucket


ดะเรียห์เป็นเมืองหลวงเก่าของอาณาจักรซาอุแรก เป็นที่มั่นที่ครอบครัว Al Saud ใช้เป็นฐานในการขยายอาณาเขตในช่วงศตวรรษที่ 18 ต่อมาในปีคศ. 1818 อาณาจักรออตโตมานได้ส่งกองทัพมาโจมตีเมืองดะเรียห์ และทำลายเมืองลง ราชวงศ์ Al Saud ที่หนีรอดได้ไปก่อตั้งเมืองใหม่ที่ Riyadh และดะเรียห์ถูกทิ้งร้างมาจนกระทั่งศตวรรษนี้ที่มีไม่กี่ครอบครัวเข้าไปอาศัยอยู่ จนกระทั่งช่วงทศวรรษ 1970 รัฐบาลซาอุจึงได้เริ่มทำการบูรณะซ่อมแซมเมืองในฐานะเมืองเก่า (ย่อความแปลจากหนังสือ Desert Treks from Riyadh by Ionis Thompson)

จากที่เห็นนะคะ ขอบอกว่าตัวเมืองนั้นแทบไม่เหลืออะไรให้ดูมากแล้ว ส่วนใหญ่เป็นซากปรักหักพังทั้งนั้น มีบางส่วนที่ได้นับการรักษาซ่อมแซมแบบครึ่งๆกลางๆ เช่นบ้านเรือนเก่าๆนั้นก็มีคานใหม่รับน้ำหนักบ้าง แต่ก็มีอยู่มากที่ติดป้ายว่าเป็น dangerous area ห้ามเข้าเพราะอาจถล่มได้

ลองไปดูบ้านเก่าๆเขาก่อน ก่อสร้างด้วยทรายและหินทั้งนั้น ส่วนคานรับน้ำหนักก็เป็นไม้ บ้านแบบนี้กันความร้อนได้ดี

Photobucket


Photobucket


Photobucket


Photobucket
เท่าที่เห็นแต่ละบ้านจะเปิดโล่งตรงกลางเหมือนเป็น courtyard


ไปดูส่วนที่เขาซ่อมแซมสร้างขึ้นมาใหม่แล้วบ้าง ประเทศนี้ก็แน่นอนเลย ซ่อม mosque หรือมัสยิดก่อนค่ะ

Photobucket


Photobucket


Photobucket


Photobucket


Photobucket
ขอยืนพุงโย้หน้าประตู


Photobucket
แอบดูข้างในสักนิด เขาไม่เปิดให้เข้าค่ะ


ขอบอกว่าที่เดินๆจนทั่วเนี่ย ไม่ได้รู้เรื่องราวความเป็นมาอะไรทั้งนั้นค่ะ เพราะมันไม่มีป้ายบอกให้ความรู้อะไรเลย Visitor's Center ก็ง่อยมาก ไม่มีโบรชัวร์อะไรแจกทั้งนั้น ก็ได้แต่เดินตามป้ายบอกทางไปเรื่อยๆ เดินอยู่ชม.นึงก็กลับค่ะ ก็ได้แต่หวังว่าอีกหน่อยเขาทำนุบำรุงเสร็จแล้ว คงจะสวยงามน่าเดินมากๆกว่านี้ นึกถึงเมืองเก่าอยุธยาบ้านเรา ของเราน่าเดินกว่ามาก

ปิดท้ายด้วยรูปตัวเอง

Photobucket


ยังมีรูปเหลืออีกหลายรูป เดี๋ยวลงบล็อกหน้าละกัน