Sunday, December 30

Happy New Year 2008!!

มาแปะส่งความสุขในปีใหม่ที่จะมาถึงไว้ก่อน อยากเขียนเรื่องอื่นๆเหลือเกินแต่ไม่มีเวลาเจ้าค่ะ ตอนนี้เวลาว่างมีเท่าไหร่ขอเอนหลังนอนตุนไว้ก่อน

Photobucket


แตงโมลูกน้อยในท้อง ตอนนี้ขอเรียกว่าน้อง Jade ไปก่อนค่ะ หมอบอกว่าน่าจะเป็นผู้หญิง เดี๋ยวอีกสองอาทิตย์จะไปอัลตราซาวนด์อีกรอบ หวังว่าคงได้เห็นชัดๆล่ะ

Friday, December 14

เรื่องเล่าจากซาอุ (ตอนที่ 1): First Impression

มาแล้วค่า พอมีเวลามาเขียนแล้ว แต่ยังขี้เกียจทำหัวบล็อกใหม่ ชื่อบล็อกนี้ต้องเปลี่ยนจาก Aom's Life in the USA เป็น Aom's Life in the KSA (Kingdom of Sauidi Arabia) แทนล่ะค่ะ

ขอเล่าย้อนไปถึงตั้งแต่เดือนที่แล้วที่บินมาที่นี่ก่อนดีกว่า ตอนนั้นบินจาก Cleveland ตั้งแต่เช้ามารอต่อเครื่องที่ Washington D.C. ตอนเย็น เหนื่อยมากๆเพราะต้องตื่นแต่เช้ามืด กว่าจะได้ขึ้นเครื่องของ Saudi Airlines ตอนเย็นก็สลบเหมือดกันไปทั้งคู่แล้ว เนื่องจากไปเช็คอินเร็วมากก็เลยได้นั่งดูคนที่มาขึ้นเครื่องด้วยกัน สะดุดที่ผู้หญิงซาอุคนนึง ใส่เสื้อคลุมยาวสีดำที่เรียกว่า abaya มาเช็คอิน แต่ไม่ได้ปิดหน้า แต่พอไปรอขึ้นเครื่องที่ gate ก็ปิดหน้าเรียบร้อยเลย ผู้หญิงซาอุคนอื่นที่รอขึ้นเครื่องอยู่ก็เหมือนกัน คลุมหน้าคลุมผมกันทั้งนั้น ทั้งๆที่ยังไม่ได้อยู่ในซาอุเลย ทำให้รู้ว่าเขาเคร่งกันมากๆ ตอนแรกที่เห็นก็รู้สึกอิ้งไปเหมือนกันว่าเขาเคร่งกันขนาดนี้เลยหรือ ความรู้สึกแรกตอนที่เห็นเขาคลุมหน้าคลุมตากันแบบนั้นเนี่ย รู้สึกว่าเขาดูน่ากลัว น่าเกรงขามนิดๆ พูดไม่ถูกเหมือนกัน ถ้าใครเคยเห็นรูปสาวซาอุนุ่งดำปิดหน้าเหลือแต่ตาคงรู้สึกเหมือนกัน

แต่พอตอนขึ้นรถ shuttle bus รอไปขึ้นเครื่อง ได้เห็นเขาไปซักพัก ความรู้สึกก็เปลี่ยนไปค่ะ (แอบ)มองเขาไปซักพักก็รู้สึกว่าเขาสวยกันจัง นึกดูว่าเขาปิดทั้งหน้าเหลือแต่ตาคมๆ แล้วตาเขาสวยกันมากๆ ขนตาดำยาว ยิ่งมองยิ่งรู้สึก intrigued ค่ะ ให้เราปิดหน้าปิดตาแบบนี้คงไม่มีอะไรให้มอง ยิ่งเขาปิดทั้งตัวแบบนี้ยิ่งทำให้รู้สึกว่าน่าดึงดูด น่าค้นหา

แต่อันนั้นก็แค่รูปลักษณ์ภายนอก ที่สังเกตได้อีกอย่างก็คือไฟลท์นั้นเด็กเยอะมากๆ ประมาณว่าใน shuttle bus นี่เกิด trolley jam รถเข็นเด็กติดขัดล้นรถค่ะ ครึ่งนึงของผู้โดยสารเป็นครอบครัวมีลูกเล็กๆกันทั้งนั้น ดูๆแล้วก็น่ารักดี (แต่ตอนนั้นเหนื่อย กลัวเด็กร้องในเครื่องบินแล้วเราไม่ได้นอนมาก ฮ่าๆ ดีที่ไฟลท์คนน้อย ได้นอนแผ่ยึดเก้าอี้ทั้งแถวกันสองคนสบายๆ) เริ่มรู้สึกแล้วว่าเขาดูให้ความสำคัญกับครอบครัว

ตอนก่อนเครื่องลง อ้อมไปยืนรอเข้าห้องน้ำ ก็มีสาวซาอุแม่ลูกอ่อนใจดีชวนให้นั่งรอข้างๆเขาด้วยค่ะ ก็คุยกับเขานิดหน่อย เรื่องลูกเขา พอบอกเขาว่าท้องอยู่เขาก็แสดงความยินดีด้วย ถึงจะคลุมหน้าอย่างนั้นแต่ก็เห็นได้ค่ะว่าเขายิ้มให้เราจริงๆ ก็รู้สึกดีค่ะ เพราะงั้น first impression แรกที่อ้อมมีก็คือ อ้อมกับคริสคิดไว้ไม่ผิด จะคลุมหน้าไม่คลุมหน้า จะนับถือศาสนาอะไรก็คนเหมือนกันทั้งนั้น แถมคนที่นี่ดูมีน้ำใจดีมากๆด้วยค่ะ

พอลงเครื่อง คนขับรถของสถาบันมารับไปส่งที่ที่พัก ได้ดูถนนหนทาง ก็ดูุคล้ายๆกทม. แต่ดูแห้งกว่ากับใหญ่กว่า ไม่หนาแน่นเท่าบ้านเรา ที่สำคัญ อู้ว์ ห้างสรรพสินค้ามากมายจริงๆ ฮ่าๆ ที่เห็นอีกอย่างก็คือ ร้านขายเสื้อผ้าเด็กกับของเล่นเด็กเห็นได้ทั่วไปค่ะ ตอนนั้นชักรู้สึกมั่นใจขึ้นมาอีกนิดว่าทีซาอุนี่ให้ความสำคัญกับเด็กๆและครอบครัวจริงๆ

คราวนี้พูดถึงเรื่อง first impression ที่ดี เดี๋ยว impression ต่อๆมาที่อาจไม่ค่อยจะดีจะค่อยๆตามมาค่ะ ฮ่าๆ อย่างที่บอกไปแล้ว คนเหมือนกันทั้งนั้น

ไม่มีรูปประกอบเรื่องเท่าไหร่ เอารูป landmark สองแห่งหลักของ Riyadh ไปดูละกัน เห็นตัวเมืองไม่ว่าจากมุมไหนก็ต้องเห็นตึกสูงสองตึกนี้ค่ะ

Photo Sharing and Video Hosting at Photobucket


Photo Sharing and Video Hosting at Photobucket


และก็แถมรูปที่ถ่ายกับเพื่อนๆที่นี่ ตอนออกไปทานข้าวเย็นกันที่ Applebee's ฮ่าๆ ชุดดำที่เห็นคือ abaya ผู้หญิงทุกคนต้องใส่เวลาออกจากบ้านค่ะ ส่วนผ้าคลุมศีรษะเรียกว่า hijab สาวซาอุและมุสลิมต้องใส่ ส่วนสาวต่างชาติไม่ต้องคลุมผมก็ได้ (แต่ส่วนใหญ่ก็คลุมกัน) นอกจากนี้สาวซาอุก็ต้องปิดหน้ามิดชิดด้วย niqab ค่ะ

Photo Sharing and Video Hosting at Photobucket


Photo Sharing and Video Hosting at Photobucket
ถนนแถวๆร้านอาหารซึ่งอยู่กลางเมือง

Saturday, December 8

รายงานตัวจากซาอุค่ะ

มาแล้วค่ะ หายไปเดือนกว่าๆ ตอนนี้ชีวิตลงตัวขึ้นมานิดนึง เลยได้โอกาสแว่บมาเขียนบล็อก

มาถึง Riyadh ตั้งแต่วันที่ 8 เดือนที่แล้ว เริ่มสอนตั้งแต่สองอาทิตย์ที่แล้วแต่ไปทำงานตั้งแต่วันที่สองที่มาถึงแล้วค่ะ งานก็ยุ่งดีใช้ได้เพราะต้องสอนอาทิตย์ละ 21 ชม. ก็วันละ 4-5 ชม. อยู่เมืองไทยสอนแค่ 12 ชม.เอง แถมเวลาทำงานที่นี่เริ่มตั้งแต่ 7:30 แต่เลิกงานตอน 13:30 นะ ส่วนคริสนี่หนักเลยสอนอาทิตย์ละ 35 ชม. วันละ 6 ชม. แถมสอนภาคค่ำอีกอาทิตย์ละสองวัน เนื่องจากต้องตื่นเช้า พอกลับถึงบ้านตอนบ่ายๆก็สลบกันทั้งคู่ค่ะ หมดแรงจริงๆ ต้องงีบกันสักชม.สองชม. ตื่นมาหาข้าวเย็นทาน แล้วก็เตรียมสอนก่อนเข้านอน เหนื่อยมากๆ

ตอนนี้ชีวิตยังไม่ลงตัวเท่าไหร่เพราะยังไม่มีรถของตัวเอง กะว่าน่าจะซื้อได้ภายในอาทิตย์หน้า มีรถแล้วก็คงไปไหนมาไหนสะดวกขึ้น ไม่ต้องรบกวนรอคนอื่นเหมือนตอนนี้

เนื่องจากอินเตอร์เน็ตที่บ้านยังไม่ดีเท่าไหร่ค่ะ โหลดรูปไม่ได้เสียที วันนี้เลยยังไม่มีรูปให้ดู จริงๆก็ยังไม่ได้ถ่ายรูปที่ไหนมากเท่าไหร่ เอาไว้มีเวลาเมื่อไหร่จะทำเป็น scoop เรื่องชีวิตและวัฒนธรรมของที่นี่มาให้อ่านเป็นตอนๆไปค่ะ พร้อมกับรูปพุงโย้ๆ อิอิ