Wednesday, May 31

พืชผักสวนครัว

เพิ่งช่วยแมรี่แอนปลูกมะเขือเทศในสวนเสร็จค่ะ เหนื่อยใช้ได้เพราะอากาศร้อนดีเหลือเกิน เวลาแดดออกเปรี้ยงๆนี่ สิบห้านาทีก็ดำแล้ว ทุกหน้าร้อนแมรี่แอนจะลงมะเขือเทศในแปลงเล็กๆหลังบ้าน ปีนี้ซื้อมา 11 ต้น เป็นต้นเล็กในกระถาง มีหลายๆพันธุ์ทั้งลูกเล็กอย่างมะเขือเทศเชอรี่ไปจนถึงลูกใหญ่ๆ อีกสักสองสามเดือน คงได้ทานกันเต็มที่ จะทานให้แก้มแดงเลย (ตอนนี้แก้มดำแดดมากกว่า กระเพียบเลย)
ก่อนลง คริสก็ช่วยปักไม้หลักลงดินให้ก่อน
เสร็จแล้วก็ขุดหลุมปลูกทีละต้น ได้แบบนี้ อีกหลักที่เหลือ อ้อมโยนๆเมล็ดผักชีลงไปด้วย ไม่รู้จะงอกมั้ย ไม่ได้เลี้ยงในกระถางไว้ก่อนด้วย แมรี่แอนยังลงเมล็ด lettuce ไว้อีกสองแถว แถวนึงเป็นแบบหลายๆพันธุ์ หน้าถุงเขียนว่า gourmet blend อ้อมเลือกซื้อมาเอง น่าจะได้ผักสลัดอร่อยๆเก๋ๆ ทานแทนผักกาดแก้วที่ทานจนเบื่อแล้วบ้าง
อันนี้ส่วนตัว เอาลงกระถางใหญ่ขึ้นไว้ เป็นต้นพริกเม็กซิกันที่เผ็ดที่สุดในโลก ชื่อ Habanero พริกนี้อ้อมเคยใช้ทำกับข้าวมาแล้ว เผ็ดแบบน้ำตาไหลพราก กะว่าถ้าออกลูกเยอะก็จะเก็บมาฟรีซไว้ ใช้ได้ทั้งปี เพราะใช้ทีละนิ้ดเดียวก็เผ็ดถึงใจ (แต่ไม่หอมเหมือนพริกขี้หนูบ้านเรา)
sweet basil ต้นนี้ก็ลงกระถางไว้เหมือนกัน ใส่ในพาสต้าอร่อยเหาะ ถ้างามดีจะเอามาลองทำซอส pesto ด้วย เคยทานที่ร้านอาหารอิตาเลียนที่สุขุมวิท อร่อยจริงๆ ดีต่อสุขภาพด้วย

อีกอย่างที่ปลูกก็คือโหระพาค่ะ เห็นมีเมล็ดขายเป็นซองๆ เลยสอยมาซะหน่อย เอาไปโรยในกระถางไว้แล้ว ไม่รู้จะงอกมั้ย กว่าจะเก็บกินได้คงเข้าหน้าหนาวพอดี ฮ่าๆ

จริงๆวันนี้ร้อนมากๆแต่พ่อคริสก็ประกาศิตว่าต้องลงมะเขือเทศวันนี้ให้เสร็จ ห้ามผัดผ่อน อ้อมก็เคืองนิดหน่อย หูย ร้อนจะตาย แต่ก็ออกมาช่วยแมรี่แอนอยู่ดี ทำเสร็จแล้วก็รู้สึกดี ได้เหงื่อนิดหน่อย ดีที่ได้ออกมาทำอะไรข้างนอกบ้านบ้าง แต่ไม่รู้แฮะ อ้อมไม่เคยปลูกอะไรเลย นอกจากเพาะถั่วงอกในกระป๋องนมส่งครูตอนเด็กๆ เคยมีต้นตระบองเพ็ชรยังเลี้ยงไม่รอด นี่หวังว่าไอ้ต้นไม้ทั้งหลายเหล่านี้ที่แมรี่ปลูกงอกงามดีทุกๆปี คงไม่โดนฤทธิ์มือมารของอ้อมทำลายไป

อาหารที่อยากทานวันนี้: ทอดมันปลากรายของโปรดแม่ (เมนูสิ้นคิดเวลาไปทานข้าวข้างข้างนอกใช่มั้ยคะ แม่)

Monday, May 29

โอ้หลั่นล้า สองสามีภรรยาเตรียมตัวไปฮาวาย!!

หลังจากที่เคยรำพึงรำพันถึงฮาวายไว้เมื่อเดือนก่อน ตอนนี้จะได้ไปจริงๆแล้วจ้า วู้ฮู้

อ้อมกับคริสบ่นๆกันมาสักพักแล้วว่าอยากไปเที่ยว ใช้วันหยุดของคริสของปีนี้ตอนที่ยังมีเวลา ก่อนจ๊อบใหม่จะเริ่ม ตอนแรกอยากไปยุโรปมากๆ ไปช่วงเดือนมิถุนาที่มีบอลโลกจะได้สัมผัสบรรยากาศซักหน่อย แต่พอเช็คราคาตั๋วและที่พักแล้ว ก็ต้องถอยค่ะ ไปอาทิตย์นึงพักที่แอมสเตอดัม ตกประมาณ $3500 ได้ คงแพงเพราะเป็นไฮซีซั่น แถมยังมีบอลโลกอีก ที่ถัดมาที่นึกถึงก็คือเมืองไทย แต่ตั๋วแพงเหมือนกัน และคริสก็ลางานไม่ได้นานด้วย บินไกล ไม่คุ้ม สุดท้ายก็มาลงตัวที่ทริปไปฮาวายเนี่ยแหละ อาจจะไม่ถูกนัก แต่แพ็คเกจตั๋วเครื่องบินกับที่พักที่ซื้อผ่าน
นอร์ธเวสต์ก็ราคาใช้ได้ จองไว้วันที่ 23 มิถุนา-2 กรกฎา รวมทั้งหมด 10 วัน 9 คืน พักโรงแรมสามดาวใน Waikiki ไม่หรู แต่ก็ไม่เป็นไร มีกิจกรรมที่อยากทำเยอะอยู่แล้ว ไปรำลึกความหลังซักหน่อย

หลังจากซื้อทัวร์ไปเรียบร้อย ก็เริ่มกระดี๊กระด๊า คริสอยากไป bodyboard มากๆ แต่เนื่องจากขนาดรอบเอวที่ขยายขึ้นมาหลังจากย้ายกลับมาอยู่ที่โอไฮโอนี่ ก็เลยทำให้คริสไม่สามารถใส่ boardshorts ที่มีอยู่ได้อีกต่อไปแล้ว (ว่าแต่เขา อ้อมเองก็ใส่กางเกงขาสั้นที่มีอยู่ไม่ได้แล้วเหมือนกัน) สรุปงานนี้ก็เลยต้องมีช็อปปิ้งกันก่อน จะรอไปซื้อที่ฮาวายเลยก็ไม่เหมาะเพราะคริสคิดว่าเตรียมไว้ก่อน พอไปถึงจะได้กระโดดลงทะเลเลย แต่อีกเหตุผลนึงที่สำคัญกว่าคือ boardshorts ที่ฮาวายแพง ดีมานด์เยอะ ราคาก็เลยไม่เคยลดเลย อ้อมก็เลยชวนคริสไปเดินที่
Marshalls ร้านขายของลดราคา คริสก็ได้มาสองตัว ราคาถูกกว่าปกติเกินครึ่ง คุ้มมากๆ

ส่วนอ้อมก็เล็งแล้วว่าชุดว่ายน้ำที่มีอยู่เนี่ย ท่าจะไม่ไหว ก็ซื้อใหม่กันเหนียว เอาแบบใส่ได้ชัวร์ไว้ซักชุด ส่วนเวลาหนึ่งเดือนที่เหลือจะพยายามลดความอ้วนให้ใส่ชุดเก่าๆได้ ฮ่าฮ่า ฝันมาก สรุปได้บิกินี่ชุดนี้มา ตอนลองพยายามไม่คิดมาก ใส่ได้ก็เอาวะ ราคา $12.99 เอง คุณภาพดีด้วย ถ้าไปซื้อที่ฮาวายก็คงไม่พ้น $60-80 อย่างต่ำ

เสร็จจาก Marshalls ก็ไป Old Navy ต่อ เพื่อซื้อรองเท้าแตะฟองน้ำ เอาไว้ใส่เดินหาด ของอ้อมสีชมพู ของคริสสีเขียว อ้อมลองชุดว่ายน้ำที่นี่ด้วย กำลังเซลส์อยู่ ปรากฏว่าท่อนบนใส่ได้ ท่อนล่างดูไม่ได้ค่ะ ลองเสร็จออกมาบ่นกับคริสว่าร้านนี้ควรเปลี่ยน lighting ใหม่ ไฟที่เขาใช้มันสะท้อนให้เห็นไขมันทุกสัดส่วนดีเหลือเกิน อ้อมหันบั้นท้ายให้กระจก ดูก้นดูขาตัวเองแล้วคอตก ร่างกายมันฟ้องว่าไม่ได้ดูแลตัวเองเท่าไหร่ ท่อนขาไขมันเพียบค่ะ หาความ lean ไม่ได้เลย (ก็แหงละ กินซะขนาดนี้) เดินเซ็งชีวิตออกมาบอกกับคริสว่าต้องวิ่งทุกวันแล้ว (พูดเมื่อสองวันก่อน ยังไม่ได้วิ่งเลยซักวันตั้งแต่วันนั้น)

สุดท้ายคริสซื้อ rashguard ที่ Dick's ถูกอีกเหมือนกัน ที่ฮาวายปกติตัวละ $40 อย่างต่ำ ที่นี่ $15 เอง ได้สนับสนุนเศรษฐกิจบ้านเราด้วย เพราะ Made in Thailand เจ้าค่ะ ขอบอกว่าสภาพคริสใส่ rashguard ตอนนี้กับสมัยหกเจ็ดปีก่อนงี้ต่างกันมากๆ (เหมือนอ้อมใส่ชุดว่ายน้ำแหละ) แต่ก่อนพุงนิดเดียว ตอนนี้พุงหลามเชียว อวบอั๋นมาก ฮ่ะๆ แต่อ้อมก็ไม่ได้พูดให้เจ้าตัวเสียกำลังใจนะ แค่ชี้ไปที่พุงเขาให้เขาดูตัวเองเท่านั้นเอง ฮ่าๆ
ตอนนี้ที่คริสอยากได้อีกอย่างคือตัวกระดาน bodyboard อ้อมบอกให้ไปหาเช่าเอาที่ฮาวายก็ไม่เอา บอกบอร์ดเก่าไม่ดี ก็เลยดูอยู่ว่าจะไปซื้อใหม่ที่ฮาวาย(แพง) หรือสั่งซื้อทางอินเตอร์เน็ตไว้ก่อน(แต่ขนไปลำบาก บอร์ดยักษ์มากตามตัว อาจต้องเสียตังค์เพิ่ม) ก็แล้วแต่คริสละกัน แต่บอกไว้ว่าบอร์ดเขาราคาเท่าไหร่ อ้อมก็งบเท่ากันเอาไว้ช็อปปิ้งนะ เหะเหะ

อาหารที่อยากทานวันนี้: ใจลอยไปถึง Korean barbeque ที่ฮาวายแล้ว เนื้อย่างนุ่มๆหวานๆกับกิมจิเปรี้ยวๆเผ็ดๆ อูย อีก 26 วันเจอกัน

Saturday, May 27

Rib Cook-off and Soccer Game

เมื่อบ่ายวันศุกร์ไปงาน Barbeque Rib Cook-off แล้วเลยไปดูฟุตบอลนัดมิตรภาพก่อนบอลโลกเริ่มระหว่างอเมริกากับเวเนซุเอลาที่ Cleveland ระหว่างทางที่ขับรถไปก็แวะรับทิมเพื่อนคริสด้วย ตอนขับรถเจอฝนตกหนักมากๆเป็นระยะๆ อ้อมก็สวดมนต์ไปขอไม่ให้ฝนตกระหว่างไปกินซี่โครงหมูกับดูบอล ปรากฏว่าได้ผลแฮะ พอไปถึงคลีฟแลนด์ ฟ้าใสแดดออกเฉยเลย

งาน Barbeque Rib Cook-off นี่จัดขึ้นทุกปี คล้ายๆงานวัด มีร้านบาร์บีคิวชื่อดังทั่วประเทศมาออกร้าน แล้วก็มีการประกวดว่าเจ้าไหนอร่อยสุด และมีเล่นดนตรีสดด้วย

ไปถึงงานประมาณสี่โมงกว่า คนยังไม่เยอะมาก และได้เข้างานฟรีด้วย ไม่งั้นเสียตั้งหกเหรียญ แค่ค่าอาหารในงานก็แพงจะแย่อยู่แล้ว

มีร้านบาร์บีคิวต่างๆ แต่ละเจ้าก็ขึ้นป้ายกัน มีวางโชว์ถ้วยรางวัลกันหน้าร้าน เห็นแล้วเลือกไม่ถูกเลย

ร้านอื่นๆ มีขายสายไหม ขาย funnel cake (อยากกินมากแต่จุกซี่โครงหมูซะก่อน)
เจ้าแรกที่ซื้อ เดินไปจนเหนื่อยแล้วไปหยุดอยู่หน้าร้านนี้ก็เลยเอาซะเลย เรียกน้ำย่อยด้วยซี่โครงหมูครึ่งแผง (หกซี่) ราคา $12.50 แพงชิบป๋ง แต่แลกคูปองมาซื้อเลยทำลืมๆไปว่ามันแพง เจ้านี้มีซอสเผ็ดๆให้ราดเพิ่มอร่อยมากๆ ไม่ทันได้ถ่ายรูปค่ะ ได้ปุ๊บก็แร้งลงปั๊บ พอทานก็มือเลอะด้วย เจ้านี้เพิ่งออกทีวี Food Network ไปเมื่อสองสามอาทิตย์ก่อน (ดูรายการนี้แหละทำให้อยากมางานนี้) คนขายบอกว่าวันพฤหัสนี้จะออกรายการของ Bobby Flay ด้วย แต่เผอิญไม่ชอบเชฟนิวยอร์คคนนี้ เพราะหยิ่ง ดูเหมือนชอบดูถูกคนอื่น อ้อมเปลี่ยนชื่อเขาเป็น Booby Flake)
เจ้าที่สองซื้อดินเนอร์เลย คือ ซี่โครงหมูทั้งโครง (สิบสี่ซี่ได้มั้ง) กับโคลสลอว์ คอร์นเบรด และ เบคบีน
ดูกันชัดๆ ซี่โครงหมูฉ่ำๆ เนื้อร่อนออกจากกระดูก ซอสหวานๆเปรี้ยวๆ จานนี้หมดไปอีก $25 สรุป $50 ที่แลกคูปองมาตอนแรกได้แค่ซี่โครงหมูครึ่งแผง จานนี้และก็เบียร์อีกสองแก้วเล็ก ขูดเลือดกันซิบๆ แต่อร่อยเอี้ยๆ (ขอโทษที่หยาบคาย แต่มันอร่อยเอี้ยๆจริงๆ)

บรรยากาศรอบๆงานมีออกร้านเล่มเกมประปราย งานนี้จัดในดาวน์ทาวน์เลย

จุกซี่โครงหมูไปแล้วแต่ยังอดไม่ไหว แลกคูปองเพิ่มมาซื้อชีสเค้กชุบช็อคโกแล็ต ใช่แล้วจ้า อ่านไม่ผิดหรอก ชีสเค้กเจ้าค่ะ ไม่ใช่ไอติม หวานมันเข้มข้นมากๆ ฟาดเรียบคนเดียว


ทานกันเสร็จเดินไปสนามบอลติดทะเลสาป ไกลพอสมควร อ้อมดันห่วงสวยใส่รองเท้าส้นตันคู่ใหม่ไป ปกติเดินเล่นธรรมดาๆก็ไม่เป็นไร พอมาเดินตั้งแต่ต้นดาวน์ทาวน์ยันทะเลสาป เท้าเดี้ยงค่ะ แผลพุพองเต็มไปหมด แต่ต้องเดินทำสวยแสร้งว่าไม่เจ็บ ไม่งั้นคริสหัวเราะเยาะแน่ๆ

สนามบอลนี่จริงๆแล้วคือสนามอเมริกันฟุตบอลของทีม Cleveland Browns จุได้เป็นแสน แต่วันนั้นมีคนไปดูบอลประมาณ 29,000 คน ซึ่งก็ไม่เลวเพราะฟุตบอลไม่ใช่กีฬายอดฮิตที่นี่ จริงๆจำนวนขนาดนี้เขาประกาศว่าเป็นประวัติศาสตร์ทำลายสถิติผู้ชมฟุตบอลในโอไฮโอเชียวนะ ฟังดูดีแต่ประทานโทษ ครั้งหลังสุดที่มีแข่งบอลที่คลีฟแลนด์น่ะ สิบสองปีก่อน แปลว่ามันไม่ได้แข่งกันบ่อยเล้ย
สกอร์บอร์ด
แฟนๆทีมเวเนซุเอล่า
แฟนๆทีมอเมริกา ไอ้พวกเพ้นท์หน้าเพ้นท์ตัวนี่มีแต่วัยรุ่น สงสัยอยากออกทีวี ไม่รู้จะคึกอะไรกันนักหนา ทีมอเมริกาไม่ใช่ทีมเก่ง ถ้าจะเฮ น่าจะรอให้ชนะซักเกมที่เยอรมันก่อน เจอสายแข็งมากมีอิตาลี เช็คและกานา ชนะได้ซักเกม(อย่าว่าแต่เข้ารอบเลย)ก็เก่งแล้ว แต่ก็ไม่แน่เหมือนกัน ลูกบอลกลมๆเอาแน่ไม่ได้
ทีมอเมริกันทีมที่แข่งเกมนี้เป็นทีม B คือผู้เล่นเก่งๆไม่ได้ลงเล่นครบ แต่ก็ชนะไปได้ 2-0 อ้อมก็ไม่ได้รู้เรื่องเกมมาก แต่คิดว่าการเล่น การจ่ายบอล การยิงประตู ยังไม่เข้าขั้นเมื่อเทียบกับบอลอังกฤษที่เคยดูๆตอนอยู่เมืองไทย คนดูก็ขยันเฮเหลือเกิน ลูกไปทางหน้าประตูหน่อยก็เฮ แล้วก็ลุกขึ้นยืน บังเราอีก คริสก็บ่นบอกว่ามันยังไม่ได้น่าลุ้นขนาดนั้น เฮกันจัง (ดูบอลกันยังไม่เป็นนั่นเอง)

เกมเลิกประมาณสามทุ่ม พระอาทิตย์เพิ่งตก นี่รูปข้างนอกสนามมุมหนึ่งของดาวน์ทาวน์คลีฟแลนด์

ปิดท้ายด้วย Rock and Roll Hall of Fame ที่เดินผ่าน ตึกสวยดี ยังไม่เคยเข้าไปดูข้างในเลย

อาหารที่อยากทานวันนี้: แหนมเนือง แม่กับพ่อทานยั่วมาหลายครั้งแล้ว อยากกินผักเยอะๆมากๆๆๆๆๆ

Thursday, May 25

หมาก็มีบุคลิก

ตอนนี้ลอรี่เหลือลูกหมาในครอกที่ยังขายไม่ออกอยู่หนึ่งตัว ชื่อจีจี (ย่อมาจาก Garage Girl เกิดในโรงรถเป็นตัวแรก) วันก่อนลอรี่พาจีจีมาที่บ้านให้เล่นกับแมดดี้ ตอนแรกอ้อมก็ไม่นึกหรอกว่าลูกหมาจากครอกเดียวกันมันจะต่างกัน เห็นตอนเล็กๆแยกยังไม่ออก แต่พอมาตอนนี้ดูจีจีกับแมดดี้แตกต่างกันมากๆ ตอนที่จีจีอยู่ที่บ้านนี้ จีจีน่าสงสารมาก เพราะคุณหญิงแมดดี้เธอข่มขู่สารพัด ทำนองว่าชั้นมาอยู่ที่นี่ก่อนนะเฟ้ย เพราะฉะนั้นชั้นต้องได้ทุกอย่าง จีจีก็เป็นสาวบอบบาง เลดี้มากๆ ตัวก็เล็กกว่า หน้าก็หวานซึ้งกว่า (หน้าหวานจริงๆ ตางี้เชื่อมเชียว) ส่วนแมดดี้งี้ตัวล่ำบึ้กกระโดดไปกระโดดมายังกับทอมบอย

สองตัวเล่นกันมันมาก ตัวบนคือจีจี ตัวล่างที่ยึดของกัดเล่นไว้ไม่ปล่อย คือ แมดดี้


นี่ดูจีจีชัดๆ หน้าตาน่าเอ็นดู หน้าจะยาวกว่าแมดดี้หน่อยนึง ลอรี่บอกว่าดูโครงสร้างทั่วๆไป แมดดี้ดีกว่าเยอะ แต่หน้าจีจีสวยกว่า น่ารักอย่างนี้มีใครอยากรับเลี้ยงมั้ยคะ ลอรี่มีหมาหลายตัวแล้ว เลี้ยงอีกตัวคงไม่ไหว


ลอรี่บอกว่าถ้าเป็นไปได้อยากให้อ้อมกับคริสได้ลูกหมาที่มีบุคลิกแบบจีจีแต่โครงสร้างดีแบบแมดดี้ อ้อมก็เห็นด้วย แมดดี้เธอฉลาดแต่ก็ดื้อด้วย เรียนรู้เร็วมาก แต่บางทีก็ไม่อยากทำซะอย่างนั้น เดี๋ยวนี้เวลาต้องออกไปเข้าห้องน้ำ แมดดี้จะไปรอที่หน้าประตู พอเสร็จธุระกลับเข้ามา เธอก็จะนั่งจุมปุ๊กอยู่หน้าแพนทรี่รอคุกกี้ ทำหน้าตาอินโนเซ้นท์มาก แต่บางเวลาบางอารมณ์เธอก็ฤทธิ์เยอะ แฮนนาห์(หมาแก่)กลายเป็นที่รองรับอารมณ์ โดนกัดขนอยู่เรื่อย แล้วแฮนนาห์ก็ไม่ตอบโต้ แมดดี้เลยได้ใจ เอาใหญ่ แย่งทั้งคุกกี้และข้าวแฮนนาห์ทานตลอด แมดดี้ชอบกัดโน่นกัดนี่ด้วย ก็ตามธรรมชาติลูกหมาน่ะแหละ แต่ถ้าห้ามเนี่ย เธอมีส่งเสียงขู่ค่ะ แถมชอบกัดขากางเกงเราด้วย เมื่อวานลอรี่ตัดเล็บให้ก็ไม่ยอม ทั้งขู่ทั้งจะกัด เลยโดนสั่งสอนไปซะ วิธีก็คือถ้าห้ามไม่ให้กัดหรือแทะโน่นแทะนี่ ก็คือรวบปากไว้ ถ้าขู่ก็ดึงหนังที่คอแล้วห้อยตัวต่องแต่งเลย ไม่รู้ต้องทำอีกกี่ทีถึงจะจำ

เมื่อวานพาแมดดี้ไปให้หมอเช็คดูสะดือ ปรากฏว่าแมดดี้มี hernia คืออาการที่หนังท้องปิดกันไม่สนิท ไม่ได้เป็นมากแต่ถ้าอีกหน่อยแมดดี้ท้องอาจเป็นปัญหาได้ สรุปพอแมดดี้อายุหกเดือน ต้องผ่าตัดค่ะ ลอรี่บอกว่านี่ถือเป็น defect (ตำหนิ)ของแมดดี้ แหม พูดซะอย่างกับเป็นสินค้า อ้อมก็ไม่ได้อะไร แต่ต้องเก็บตังค์เอาไว้สำหรับการผ่าตัด ท่าทางจะหลายอยู่

ปิดท้ายด้วยวิดีโอคลิปของแมดดี้เวลาเธอคึก กระโดดแอ็ทแท็กของเล่นด้วยความมัน

ป.ล. ที่ว่าแมดดี้เข้าห้องน้ำได้แล้วเนี่ย ยังไม่จริง เมื่อกี้อ้อมไปเข้าห้องน้ำ ไอ้หยา เจ๊อะอึ๊แมดดี้กองอยู่ ดีนะที่กองบนพื้นกระเบื้อง ไม่ใช่พรมเช็ดเท้า ไม่รู้แอบมาปล่อยไว้เมื่อไหร่

Monday, May 22

This Past Weekend

วันเสาร์ไปซื้อของเล่นให้แมดดี้ มีลูกบอลติดเชือกไว้ให้กัดเล่น ตุ๊กตาเม่นเอาไว้กัดเหมือนกัน แล้วก็ซื้อจมูกหมูที่เห็นในรูปนี่แหละค่ะ เอาไว้ให้แทะเหมือนกัน เห็นแล้วอี๋มากๆ เพราะมันเมือนจมูกหมูจริงๆมากเลย ขอบอกว่าของเล่นสุนัขแพงมากๆ ซื้อไม่กี่อย่างหมดไป $17 ซื้อเสร็จก็ไปทานบุฟเฟต์ที่ร้าจีนในมอลล์กับคริส กินจนจุกเดินตัวตรงไม่ได้ แต่ก็พยายามทานผักเยอะๆนะ เดินไปตักห้ารอบได้ สองรอบสุดท้ายเป็นลำไย กับลิ้นจี่กระป๋องเต็มถ้วย กินให้พอหายอยากผลไม้ไทย ส่วนคุณคริส....เดินเข้าร้านปุ๊บ ดิ่งไปตักพิซซ่าก่อนเลย อ้อมเห็นแล้วก็จี๊ด แหมโว้ย อย่างอื่นมีให้กินอีกเป็นสิบๆอย่าง ดันกินพิซซ่า (พิซซ่าแช่แข็งถาดละสามเหรียญแหงๆ ร้านจีน ใครมันจะอบพิซซ่าเอง) พอทักก็บอกนี่สำหรับเรียกน้ำย่อย เรียกไงวะ ตั้งสองชิ้น เสร็จแล้วพ่อคุณก็เลยเดินไปตักอย่างอื่นทาน ก็พวกของทอดๆอีกนั่นแหละ ไม่มีผักเล้ย ปิดท้ายด้วยไอติมกับบราวนี่อีกต่างหาก ทานเสร็จอ้อมก็เดินตัวงอๆออกมาเดินเล่นในมอลล์ต่อ ยืดตัวตรงไม่ไหว อิ่มมากๆ เดินไปซักพักก็ได้เสื้อมาหนึ่งตัว ลด 70% เหลือแค่ $7 เอง คำนวนดูแล้วเท่าราคาเสื้อทั่วๆไปที่เมืองไทยเลยแฮะ แต่ตัวนี้คุณภาพดีกว่า ใส่เครื่องซักเครื่องอบได้ เลยต้องซื้อ แก้ตัวไปอย่างนั้นแหละ เหะเหะ ตอนนี้มีเสื้อที่ซื้อมาและยังไม่ได้ใส่อยู่สี่ตัวแล้ว เพราะอากาศยังไม่เป็นใจ ยังเย็นอยู่เลย ปลายอาทิตย์นี่คงอุ่น จะได้ใส่เสื้อใหม่เสียที ก่อนกลับแวะเข้าร้าน $1 ได้จานบินให้แมดดี้วิ่งไล่งับอีก ปรากฏว่าไอ้จานถูกๆเนี่ย แมดดี้ชอบที่สุดค่ะ ของเล่นแพงๆซื้อที่ร้านเพ็ตสโตร์ดีๆเนี่ยไม่ถูกใจเท่าไหร่ เล่นได้แป๊บเดียวก็เบื่อแล้ว จานสามอันเหรียญเนี่ยนอนกัดได้เป็นนาน

วันอาทิตย์พาแมดดี้ไปที่สนามฟุตบอลด้วย คราวนี้แมดดี้ดูชินกับการนั่งรถมากขึ้น ไม่ค่อยกังวลเท่าไหร่ พอไปถึงเธอก็ปรับตัวได้ดีมาก วิ่งไปวิ่งมาไม่มีปัญหา อ้อ สองคืนที่ผ่านมาอ้อมไม่ต้องลุกขึ้นมากลางดึกเพื่อพาแมดดี้ออกไปเข้าห้องน้ำแล้ว พาเข้านอนตอนห้าทุ่ม เสร็จแล้วก็ตื่นอีกทีตอนหกโมงเช้าเลย ค่อยยังชั่วหน่อย ไม่เหนื่อยแล้ว เสร็จจากสนามบอล (ทีมคริสชนะไป 8-6 เล่นกันไงไม่รู้ ประตูเยอะเหลือเกิน คริสชู้ตได้สองประตู)ก็ไปแวะที่บ้านเพื่อนสนิทคริส แมดดี้พยายามจะขึ้นบันไดเอง พยายามอยู่สองสามครั้งก็ขึ้นได้

ทิมเพื่อนสนิทคริสอุ้มแมดดี้
ภรรยากับลูกชายทิม ผมแดงร้อนแรงทั้งคู่
อ้อมกับแซม แต่ก่อนตอนแซมมี่อายุซักสองขวบ แซมน่ารักมาก ชอบเล่นกับอ้อมสุดๆ แบบไม่ยอมให้กลับบ้าน พอมาเจออีกทีตอนห้าขวบทำตัวเป็นหนุ่มมีวางฟอร์มไปซะแล้ว ขอถ่ายรูปด้วยก็มีแอบเต๊ะ แต่หลังจากนี้อ้อมก็เตะบอลกับแซมอยู่ซักพักใหญ่ กลับมาบ้านปวดไปหมด ป้าแก่แล้วจริงๆ อย่างนี้กว่าจะมีลูกตัวเองจะมีแรงไล่จับมั้ยก็ไม่รู้
ปิดท้ายด้วยรูปดอกไม้จากสวนเล็กๆหลังบ้านทิม
ดอกหญ้าที่ขึ้นที่สนามที่บ้าน พาแมดดี้ออกไปวิ่งแล้วเห็น สองสามวันมานี้แดดเพิ่งออกหลังจากฝนตกเป็นอาทิตย์ ก็เลยขอถ่ายรูปไว้ซะหน่อย

อาหารที่อยากทานวันนี้: กุ้งแม่น้ำเผาที่บางไทร เอามันมาคลุกข้าว ราดน้ำจิ้มทะเลรสเด็ด

Saturday, May 20

พักเรื่องแมดดี้

พักเรื่องแมดดี้มาว่าเรื่องอาหารดีกว่า ไมมีเรื่องอื่นให้เล่าหรอกค่ะ ชีวิตช่วงนี้เป็นแม่บ้านอยู่ติดบ้าน(พ่อแม่สามี)มาก เพราะต้องคอยดูคุณแมดดี้ให้อึ๊และชิ้งฉ่องตลอดวัน คืนก่อนตื่นมาตีสามต้องพาเธอวิ่งรอบสนามหน้าบ้านและหลังบ้านรอบครึ่งกว่าเธอจะยอมปล่อยของเสียออกมาได้ จริงๆไม่ได้อยากพาวิ่งหรอก แต่ยอมให้โดนลากไปมามากกว่า ดีกว่าต้องมากังวลทีหลังว่าจะมาปล่อยเหม็นในกรงหรือในบ้าน

เออ ว่าจะไม่พูดเรื่องแมดดี้แต่ก็พูดไปแล้ว อย่างที่บอกชีวิตวนเวียนอยู่แต่กับคุณเธอเนี่ยแหละ บางทีก็เนื้อยเหนื่อย ต้องคอยดูคอยเล่นด้วยคอยพาไปเข้าห้องน้ำ ยิ่งเวลาเธอกัดขากัดโน่นกัดนี่เนี่ยยิ่งรำคาญ เพราะห้ามไม่ฟัง จับปากก็มีขู่เห่าเราอีกต่างหาก แต่พอเห็นหน้าตาบ้องแบ๊วเวลามันมานอนซบที่ขาแล้วก็ใจอ่อนค่ะ ทำไงได้รับมาเลี้ยงแล้วนี่นา ก็ต้องดูกันต่อไป

เข้าเรื่องอาหารจริงๆแล้ว ขนาดว่าเหนื่อยๆ อ้อมยังขยันทำนู่นทำนี่ทานด้วยความอยาก ลองดูเอานะคะ

ยำมาม่าใส่หมูสับ ใส่ผงเครื่องปรุงในซองแล้วใส่น้ำปลา มะนาว พริกป่น ปรุงรสเพิ่ม เผ็ดดี (พริกป่นหมดอายุไปแล้ว แต่ก็ยังเผ็ดอยู่ ถึงความหอมจะไม่มีก็เอาวะ ไม่ขึ้นราก็โอเค พริกป่นแพง ทานอยู่คนเดียว)

อาหารเช้าคริส ไข่คนกับขนมปังปิ้ง อ้อมทำข้าวเช้าให้คริสทุกเช้า ไม่ไข่ดาวก็ไข่คนสองฟองกับขนมปังปิ้ง เป็นภรรยาตัวอย่างมั้ยล่ะ จริงๆงอนจะตาย กลางคืนไม่ยอมลุกมาช่วยดูแมดดี้เลย

บะหมี่หมูสับ เจอบะหมี่ไข่เส้นแบนที่ร้านไทยแล้ว อร่อยนิ่มใช้ได้ แต่เป็นบะหมี่แช่แข็งไม่หอมเท่าบะหมี่สดบ้านเรา

เกี๊ยวกรอบห่อชีส ของโปรดคริส ลองทำดูเป็นครั้งแรก แป้งเกี๊ยวที่มีมันไม่เหมือนที่เมืองไทย แต่ก็ใช้ได้ ต้องใส่ชีสเยอะหน่อยถึงจะรู้รสชีส (ไอ้ที่ขายที่โพลา โพลาจานละตั้งแพงน่ะ เกี๊ยวกรอบธรรมดาชัดๆ หาชีสมิเจอ)
หน้าตาแปลกๆหน่อย เพราะอ้อมห่อเป็นสี่เหลี่ยม แผ่นเบ้อเริ่มเลย
แกงกะหรี่ไก่ ตอนแรกว่าจะทำแกงแดง ปรากฏว่าเครื่องแกงแดงกระป๋องใหญ่ที่ซื้อมาขึ้นราไปซะแล้ว คงเป็นเพราะเอาช้อนเปียกไปตักคราวก่อน ดีที่มีเครื่องแกงกะหรี่อยู่ เพราะมื้อนี้ทำทานทั้งบ้าน ทุกคนรอทานข้าวเย็นฝีมือเรา
ทานกับไข่เจียว สรุปว่าชอบกันค่ะ เพราะอ้อมทำไม่เผ็ดมาก ก็เครื่องแกงกระป๋องนั่นแหละ ใช้กระทิหนึ่งกระป๋องออกมาพอดี รสไม่จัดมากฝรั่งทานดี
อาหารที่อยากทานวันนี้: แมดดี้ปิ้ง เอ๊ย ไม่ใช่ (Freudian slip รีเปล่าเนี่ย) แกงกะหรี่ฝีมือน้าอี๊ด ทานกับอาจาด และกะปิตำกับพริกคลุกข้าว บีบมะนาวหน่อย อู๊ย น้ำยายไหยแย้ว