Saturday, March 31

แอ่วเชียงใหม่ (1)

ต่อเรื่องเที่ยวดีกว่า กลับจากเสม็ดได้สองสามวันพอซักผ้าแห้งก็ขึ้นเหนือไปเที่ยวเชียงใหม่กับพ่อและแม่ค่ะ ออกเดินทางวันพุธที่ 24 ก.พ. กลับวันเสาร์ที่ 27 ค้างสามคืน รายการนี้พ่อเป็นสารถีขับรถตลอดเลย

วันพุธออกจากบ้านกันตอนแปดโมงครึ่งได้มั้ง ขับไปพักไปแวะเข้าห้องน้ำและทานข้าวกันตามปั๊มต่างๆ ได้ข้อสรุปว่าปั๊มปตท.ห้องน้ำสะอาดที่สุด ช่วงนั้นอากาศร้อนมากๆ ยิ่งขับขึ้นเหนือผ่านชัยนาทไปจะเห็นได้ชัดเจนเลยว่าทางเหนือร้อนและแล้งกว่าภาคกลางจริงๆ ไม่เกินบ่ายสามครึ่งก็เข้าตัวเมืองเชียงใหม่ ขับๆวนๆหาทางเข้าโรงแรมอยู่พักนึงแต่ก็ไม่มีปัญหา พ่อเก่งอยู่แล้ว ส่วนอ้อมก็พยายามช่วยเป็นเนวิเกเตอร์ที่ไม่ค่อยมีประโยชน์เท่าไหร่ ต้องโทษแผนที่ว่ามันงงๆ ฮะๆ ก็เล่นไม่บอกนี่หว่าว่าถนนตรงคูเมืองมันเป็นวันเวย์ ไม่ได้ไปเชียงใหม่ตั้งสิบกว่าปีแล้วใครจะไปจำได้

โรงแรมที่พักชื่อ BP Chiang Mai City Hotel เป็นของที่บ้านน้องฮงคนที่จองโรงแรมสุดหรูที่ตัวเองฝึกงานอยู่ให้ที่ Durham, North Carolina ตอนไปเยี่ยมหวานขากลับจากฟลอริด้า คือพอคิดได้ว่าจะไปเชียงใหม่ก็จำได้ว่าที่บ้านฮงมีโรงแรมก็เลยโทรไปบอกหวานว่าให้ฮงช่วยจองให้หน่อย คือเล่นเส้นว่างั้นเหอะ ฮ่าๆ เนื่องจากว่าจองกันหลายทอดเลยได้เรื่องเลย ตอนไปเช็คอิน ทางโรงแรมบอกว่าได้ส่งรถไปรอรับ stand by ที่สนามบินทั้งวันเลย เพราะบอกว่าเป็นแขกจากอเมริกาแต่ไม่ได้บอกว่ามาไฟลท์ไหน อ้อมก็ตกใจ ตายล่ะ เขาอุตส่าห์ไปรอรับทั้งวัน เกรงใจสุดๆ สุดท้ายก็ได้คุยกับพ่อน้องฮงทางโทรศัพท์ก็ทั้งขอโทษและขอบคุณไปด้วยความเกรงใจมากๆ

ตอนที่ไปตัวโรงแรมยังทำไม่เสร็จดีแต่ส่วนห้องพักเสร็จเรียบร้อยแล้ว ห้องใหญ่มากๆ มีเตียงใหญ่และ day bed ด้วย ห้องน้ำก็กว้างขวาง โรงแรมนี้อยู่ใกล้ๆวัดพระสิงห์ นอกจากวัดพระสิงห์แล้วก็ยังมีวัดเก่าๆใกล้ๆกันอีกหลายวัด น่าเดินเที่ยวมากๆ ที่สำคัญก็คือแถวนั้นเงียบไม่พลุกพล่าน แต่ก็มีทุกอย่างครบ ทั้งร้านอินเตอร์เน็ต 7-11 ร้านนวด ถ้าอยากไปเดินซื้อของช็อปปิ้งก็เรียกสองแถวหรือตุ๊กตุ๊กจากหน้าโรงแรมได้เลย

ดูรูปห้องดีกว่า สบายมากๆ ไปถึงคริสก็ขอให้โรงแรมหาหมอนวดไทยมานวดให้ที่ห้องทันทีเลย



พักผ่อนล้างหน้าล้างตากันเสร็จ ก็ออกไปหาข้าวเย็นทานกันค่ะ ไปร้านสวนผักใกล้สนามบินเชียงใหม่

Photo Sharing and Video Hosting at Photobucket



ร้านนี้มีสองฝั่ง ด้านนึกเป็นครัวไทย อีกด้านเป็นครัวฝรั่ง เรานั่งกันที่ครัวไทยแต่ก็สั่งอาหารจากฝรั่งมาทานได้ค่ะ คริสทานสเต้กเนื้อชิ้นเบ่อเริ่มแต่ก็ทานน้ำพริกหนุ่มไปด้วยนะ



วันรุ่งขี้นหม่ำอาหารเช้าที่โรงแรมเสร็จก็มีเรื่องต้องรบกวนคุณพ่อน้องฮงซะแล้ว ต้องย้ายโรงแรมค่ะ เพราะแม่ออกอาการแพ้ฝุ่นที่ตา ตอนนั้นก็คิดว่าเพราะการก่อสร้างรอบๆโรงแรม(ไม่ใช่ที่โรงแรม) ด้วยความเกรงใจก็ต้องไปบอกคุณพ่อน้องฮงก่อน คุณพ่อน้องฮงก็เลยเสนอให้ย้ายไปโรงแรม Chiang Mai Orchid เลย หลังจากเช็คอินที่นั่นก็เลยได้เจอคุณพ่อน้องฮงด้วย เลยได้ขอบคุณอีกรอบค่ะ เสียดายไม่ได้ถ่ายรูปห้องที่นี่ไว้ แต่ห้องสบายมากๆกว้างขวาง การบริการก็ดีสมเป็นโรงแรมเก่าแก่ที่มีชื่อเสียงมานานแล้วจริงๆ ที่สำคัญน้องๆพนักงานทั้งที่คอฟฟี่ช็อปและฟร้อนท์เดสก์สวยน่ารักกันจริงๆ ประเด็นนี้คริสเห็นด้วยมากๆ (มากแบบออกหน้าออกตาไปนิด เชอะ/ค้อนสามตลบ) ตอนนี้เชื่อที่อ้อมบอกไปแล้วว่าสาวเหนือสวย เพราะเห็นจากที่โรงแรมนี่แหละ

ย้ายโรงแรมเสร็จก็ไปบ้านถวายกัน บ้านถวายเป็นตลาดขายสินค้าต่าง ส่วนใหญ่จะหนักไปทางงานไม้แกะและเฟอร์นิเจอร์ไม้ต่างๆ อ้อมกับคริสงี้เดินดูไปน้ำลายยืดไป อยากซื้อไปหมด แล้วก็ซื้อเยอะจริงๆแหละ แต่ซื้อแต่ของที่หอบกลับมาได้ พวกเชิงเทียนไม้อะไรแบบนั้นมากกว่า แล้วก็มีของมาฝากพ่อกับแม่คริสด้วย

เดินกันจนเหนื่อย เสร็จแล้วก็ไปทานข้าวกลางวันที่ร้านระกา อยู่ใกล้ๆตลาดนั่นแหละ รออาหารนานมากๆแต่คุ้มที่รอเพราะอร่อยสุดๆ



ตอนบ่ายก็กลับโรงแรมพักผ่อน พอเย็นๆแดดร่มลมตกหน่อยก็ขับรถขึ้นดอยสุเทพ ขาขึ้นนั่งรถกระเช้าไป สูงชันเสียวดีใช้ได้เลย ดูรูปวัดจากอัลบั้มใน Picasa แทนนะคะ รูปมันเยอะๆมากๆ คลิกที่รูปข้างล่างไปดูกันเต็มๆเองดีกว่า

ดอยสุเทพ


จากดอยสุเทพก็ไปหม่ำข้าวเย็นที่ร้านกาแล วิวสวยลมเย็นอาหารไม่แพงแต่อร่อยมาก ไม่มีรูปอาหารแฮะ แต่มีรูปดอกไม้สวยๆของร้าน

Photo Sharing and Video Hosting at Photobucket



Photo Sharing and Video Hosting at Photobucket



Photo Sharing and Video Hosting at Photobucket



ทานเสร็จก็กลับโรงแรมนอน ปรากฏว่าตาแม่ก็ยังไม่หายระคายเคืองอยู่ดี ตอนนี้รู้แล้วว่าไม่ใช่แค่ฝุ่นแถวโรงแรมหรอกที่ทำให้เคืองตาแต่เป็นฝุ่นของทั้งเมืองเลยต่างหาก พออ้อมกลับมาอเมริกาแล้วถึงได้มีข่าวว่าเชียงใหม่ประสบปัญหาฝุ่นควันถึงขั้นวิกฤติ ตอนนั้นคงกำลังเริ่มแย่

Tuesday, March 27

Tag เรื่องอาหารที่ไม่ได้ dag

อย่าหาว่าเราหยาบคายเพราะเราเลียนแบบชื่อหัวข้อจากแพรว อิอิ

เรื่องของเรื่องก็คือไอ้ tag ที่มันระบาดไปรอบนึงเนี่ย ตอนนี้มันกลายพันธุ์ไปแล้ว ที่เห็นๆและโดนเข้าไปด้วยก็คือเรื่องของกิน สายพันธุ์นี้แปลงมาเพื่อคนไกลบ้านโดยเฉพาะ คือให้เขียนถึงเรื่องของกินที่อยากกินห้าอย่าง พี่ปุ้ยมาส่งต่อให้อ้อมเฉยเลยถึงแม้ว่าอ้อมจะเพิ่งไปเมืองไทยมา แต่ก็อ่ะนะ เรื่องของกินนี่มันไม่เข้าใครออกใคร ให้เขียนถึงเมื่อไหร่มันก็น้ำท่วมทุ่ง เอ๊ย น้ำลายท่วมจอคอมพิวเตอร์ทุกที เพราะงั้นอ้อมก็จะเขียนถึงของที่เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าอยากกินแต่ไม่ได้กินตอนอยู่เมืองไทยละกัน

แต่ก่อนจะพร่ำเพ้อถึงของที่ไม่ได้กิน เอาเรื่องของที่ได้กินก่อนดีกว่า มีรูปทรมาณใจอยู่พอสมควร เอามาแปะล่อเรียกน้ำลาย(ตัวเอง)ไปก่อน

Photo Sharing and Video Hosting at Photobucket

มื้อนี้จำได้เลยว่าเป็นมื้อกลางวันมื้อแรกที่พ่อกับแม่ซื้อมาให้ทานที่บ้าน ไก่บ้านย่าง

Photo Sharing and Video Hosting at Photobucket

ส้มตำปู ของโปรด ป่อเปี๊ยะทอดข้างหลังนั่นของคริส รู้สึกจะมีไส้กรอกอีสานด้วย สองอย่างนี่คริสชอบทานกับข้าวเหนียว

Photo Sharing and Video Hosting at Photobucket

เกี๊ยวกรอบห่อชีสของร้านประจำใกล้บ้าน Pola Pola ตรงข้ามม.เกษตร

Photo Sharing and Video Hosting at Photobucket

ยำหมูย่าง อร่อย รสจัดดี

Photo Sharing and Video Hosting at Photobucket

ร้านนี้ขายทั้งอาหารอิตาเลียนและอาหารไทย พิซซ่าเขาก็อร่อยแต่อ้อมชอบอาหารไทยที่นี่มากกว่า วุ้นเส้นผัดไทยของเขาใช้ได้เลย เห็นแล้วอยากกินหัวปลีอีกรอบ

Photo Sharing and Video Hosting at Photobucket

ส้มตำปูม้าที่ร้านจันทะนี อยู่ในตรงข้ามทอปส์บนถ.ประชานิเวศน์ (ซอยวัดเสมียนนารี) เผ็ดมากๆ

Photo Sharing and Video Hosting at Photobucket

ร้านนี้ดังเรื่องอาหารใต้ น้ำพริกกุ้งเสียบ โห เผ็ดมากๆ แบบช้อนเดียวคลุกข้าวได้ทั้งจาน

Photo Sharing and Video Hosting at Photobucket

แกงเหลืองผักรวม

Photo Sharing and Video Hosting at Photobucket

ทานกับไข่เจียวฟูๆนุ่มๆ

Photo Sharing and Video Hosting at Photobucket

ข้าวยำที่เพื่อนแม่ซื้อมาให้ทาน อร่อยมากๆ เหมือนที่เคยทานที่ปัตตานีเลย


ถัดไปเป็นร้านโปรดของคริสที่สยาม Vanilla Industry อยู่ติดกับร้าน S&P ร้านนี้แพงแต่อร่อย คริสเคยสั่งช็อคโกแล็ตปั่นมาทาน แก้วละ 170 บาท -_-" แต่รู้สึกว่าเขาจะใช้ไอติม Hagen Daaz ทำ มันก็อร่อยจริงๆแหละ เขาดังเรื่องของหวาน แต่อ้อมชอบทานพวกพาสต้ามากกว่า แต่ละจานนี่เครื่องตรึม ที่ร้านมีโต๊ะไม่กี่โต๊ะ มีสอนทำอาหารและเค้กด้วย


รูปหมดแล้ว จริงๆยังมีรูปอาหารอื่นๆอีกแต่เอาไว้ไปเขียนถึงตอนเล่าเรื่องไปเที่ยวเชียงใหม่ อยุธยา ราชบุรีแล้วกัน เฮ้อ...ไม่รู้เมื่อไหร่จะเขียนเสร็จ


ต่อด้วยเรื่องของที่อยากกินแล้วไม่ได้กิน ขอแบ่งเป็นหมวดๆเพราะมันเยอะ

หมวดอาหารเช้า: โจ๊กร้านหลังโรงเรียนที่สามย่าน ขอหมูตับไข่สักชามใส่ขิงเยอะๆ ต่อด้วยปาท่องโก๋อีกสักคู่ (กลับเมืองไทยคราวหน้านัดกันไปทานโจ๊กรำลึกความหลังกันดีมั้ย เพื่อนๆ) อีกอย่างที่อยากทานก็คือ ต้มเลือดหมู เจ้าอร่อยอยู่ต้นซอยสามัคคี ถ.ประชาชื่น ขอซดชามใหญ่ๆใส่ทุกอย่างสักชาม เฮ้อ

หมวดผลไม้: เงาะ มังคุด ลำไย ลองกอง มะละกอ น้อยหน่า ฮือ ยังดีที่ได้ทานข้าวเหนียวมะม่วงน้ำดอกไม้ของโปรดไปหลายรอบ กับมะยงชิดที่แม่ซื้อไว้ให้ ที่อดทานแบบไม่น่าอภัยก็คือมะม่วงน้ำปลาหวาน อุตส่าห์ซื้อมะม่วงแรดอย่างดีกับน้ำปลาหวานอีกถ้วยโตไว้แล้วกะไปทานที่บ้านหยูแต่มัวแต่เมาธ์กันเพลิน ลืมปอกกิน แถมยังลืมไว้ที่นั่นอีกต่างหาก หยูเพื่อนรักหวังว่าแกคงได้ทานแทนชั้นไปแล้วนะ

หมวดก๋วยเตี๋ยว: ไม่ได้ทานเย็นตาโฟ!! กรี๊ดๆ เพิ่งนึกขึ้นได้เมื่อวานนี้แล้วก็เจ็บใจตัวเอง พลาดไปได้ไง ไม่ได้ทานก๋วยเตี๋ยวเรือด้วย เจ้าอร่อยที่เคยทานอยู่ในซอยสามัคคีอีกเหมือนกัน ขอเส้นเล็กแห้งเนื้อทุกอย่างสักสองชาม เส้นเล็กน้ำตกอีกสักชาม แล้วปิดท้ายด้วยเกาเหลาน้ำตกใส่แคบหมู ในซอยนี้มีอีกอย่างที่อร่อยคือก๋วยเตี๋ยวหมูเกี๊ยวปลา ร้านห้องแถวติดกับธนาคารทั้งหลาย ถ้าได้เส้นเล็กแห้งสักชามกับเกาเหลาเกี๊ยวปลาต้มยำจะมีความสุขมากๆ

หมวดฝีมือพ่อกับแม่: ไข่พะโล้ที่พ่อทำ ทำเองที่นี่ยังไงก็ไม่เหมือน เพราะพ่อไม่ใส่ผงพะโล้แต่พะโล้พ่อจะหอมรากผักชี กระเทียม พริกไทย และไม่หวานเกินไป อยากทานเนื้อทอดฝีมือแม่ด้วย แม่ทอดแบบง่ายๆแต่อร่อยจริงๆ คลุกกับข้าวทานแกล้มแตงกวา ทานได้ทุกวันค่ะ

หมวดอาหารข้างทาง: ปลาหมึกย่างน้ำจิ้มแซ่บๆ ลูกชิ้นปิ้ง ข้าวเหนียวหมูปิ้ง ขนมเบื้องแบบไอซิ่งเยอะๆฟูๆ ไอติมกะทีใส่ขนมปังแบบอันละห้าบาท กล้วยปิ้งทับแต่ไม่ราดน้ำเชื่อมหวานๆ กล้วยหักมุกย่าง เฮ้อ สรุปว่าขอไปเดินตลาดโต้รุ่งซักทีเถอะ แม่จะเหมาหมดเลย

Thursday, March 22

กรุงเทพฯเมืองฟ้าอมร...และร้อนจริงๆ

หลังจากได้พาจอห์นไปทานข้าวกับสาวๆแล้วจอห์นก็เหลือเวลาอีกวันเดียวในเมืองไทยก็ต้องพาไปเยี่ยมชมวัดวาอารามและซื้อของอีกเล็กน้อยก่อนส่งขั้นเครื่องกลับญี่ปุ่น ที่ที่ต้องพาไปก็ต้องเป็นวัดพระแก้วแน่ๆ ตามด้วยวัดโพธิ์และวัดอรุณฯ วันนั้นก็ไม่ได้รีบตื่นกันมาก กว่าจะได้ออกจากบ้านก็สายแล้วล่ะ พอไปถึงที่วัดพระแก้วก็แทบเป็นลมเพราะคนเยอะมากๆๆๆ เพราะวันนั้นยังเป็นช่วงตรุษจีนอยู่ คนออกมาไหว้พระกันเยอะจริงๆแล้วก็รถทัวร์ส่งคนจีนเต็มไปหมด คือยังไม่ทันได้เข้าวัดก็ท้อแล้ว แต่ก็ต้องเข้าแหละ ไปถึงที่แล้วนี่นา พอกำลังจะเดินเข้าไป เจ้าหน้าที่ของวัดหรือวังคนนึง(ใส่ชุดซาฟารีสีน้ำเงิน)ผู้ใหญ่แล้วล่ะ ก็มาบอกว่าอย่าเพิ่งเข้าไปเลยเพราะคนเยอะมากๆ ให้ไปเที่ยวที่อื่นก่อน เช่นไปนั่งเรือเที่ยวก็ได้ แนวหวังดีมากๆ อ้อมก็อ้าวเหรอคะ เออ งั้นไปวัดอรุณฯก่อนก็ได้ แกก็บอกว่าให้ไปนั่งเรือเที่ยวดีกว่า อ้อมก็บอกว่า ไม่ได้อยากนั่งเรือเที่ยวแม่น้ำหรอกแค่อยากข้ามไปวัดอรุณฯ แกก็บอก เอ้าแกจะไปหาข้าวกลางวันทานอยู่แล้วเดี๋ยวเดินไปส่งที่ท่า ก็เดินคุยกับอ้อมไปดีนะ คุยกันไปเรื่อยว่าแกมีญาติอยู่อเมริกา งั้นงี้ แล้วแกเดินพาเราไปถึงท่าหน้าพระลาน(เรียกงี้เปล่าก็ไม่รู้ ท่าใกล้ๆวัดพระแก้วอ่ะ)แล้วก็บอก อ่ะ เดี๋ยวเดินไปส่งที่ท่าเลยก็ได้ ไอ้เราก็งงๆ พยายามบอกแกว่าเดี๋ยวหาเรือไปเอง แค่จะข้ามฟาก แกก็บอกไปนี่แหละ ไปทัวร์ดีกว่า จะได้ไปดูโรงจอดเรือสุพรรณหงส์ด้วย สรุปแกมาส่งที่ท่าบริษัทนำเที่ยวทางเรือเฉยเลย ไปถึงก็แบบ tourist trap ดีๆนี่เอง ส่งเสร็จแกก็ไป คนที่ท่าก็พยายามมาขายทัวร์กับเรา อ้อมก็บอกไม่เอาอย่างเดียว เขาก็ทำหน้าบึ้งๆไป ส่วนเราก็เดินออกมาแบบเหลียวซ้ายแลขวาว่าลุงคนที่พาเรามายังอยู่เป่าเนี่ย ไม่รู้แกพามานี่กะฟันค่านายหน้าเราเปล่า แปลกๆดีเหมือนกันเหมือนจะหวังดีแต่หวังขายทัวร์เรานี่หว่า แต่ก็ไม่อยากไปอารมณ์เสียมาก อากาศก็ร้อนอยู่แล้วเดี๋ยวจะร้อนไปกันใหญ่

สุดท้ายก็เดินกันเองจากท่าหน้าพระลานไปจนถึงท่าวัดโพธิ์ แล้วก็ขึ้นเรือข้ามฟาก (คนละ 3 บาทเอง)ไปวัดอรุณฯ เฮ้อ อากาศร้อนมากๆๆๆ แดดแรงสุดๆ จากนั้นก็กลับมาวัดโพธิ์ คนล้านแปด ร้อนอีกเหมือนกัน แล้วก็นั่งตุ๊กตุ๊กกลับไปทานข้าวหน้าวัดพระแก้วแล้วค่อยเข้าวัด ก็เดินๆกันแบบร้อนและเหนื่อยมากๆ ไม่มีอารมณ์สุนทรีย์เท่าไหร่เลยถ่ายรูปมาได้เท่าที่เห็นข้างล่างนี่แหละ


จากทัวร์วัดก็พาจอห์นไปกลับมาเซ็นทรัลลาดพร้าว แล้วก็นั่งรถใต้ดินไปจตุจักรให้ได้ซื้อของฝาก (อ้อมได้เสื้อมาตัวนึง อิอิ) กลับมาทานข้าวเย็นที่เซ็นทรัลลาดพร้าวแล้วก็ไปส่งจอห์นขึ้นเครื่อง ก็หวังว่าจอห์นคงเอ็นจอยทริปนี้ไป รู้สึกดีเหมือนกันที่มีเพื่อนมาเที่ยวด้วยกัน สนุกดีได้กินเต็มที่เพราะจอห์นชอบกินเหมือนกัน ฮ่าๆ

ไหนๆ พูดถึงเรื่องเที่ยวกรุงเทพฯแล้วก็ขอลงรูปอื่นๆด้วย วันนึง(ในหลายๆวันที่ได้ไปสยาม)อ้อมกับคริสก็ลองเดิน Sky Walk จากสยามไปจนถึงเซ็นทรัลชิดลมกัน แวะถ่ายรูปตรงแยกราชประสงค์ซักนิด


เสร็จแล้วก็เดินไปเข้าเซ็นทรัลเวิลด์ที่ทำใหม่ซะอลังการมาก แล้วก็เดินไปจนถึงชิดลม อ้าว จะเข้าเซ็นทรัลชิดลมซะหน่อย ดันติดสถานีรถไฟฟ้า จริงๆเดินลงถนนแล้วไปเข้าห้างจากชั้นหนึ่งก็ได้แต่ไฮโซฮ่ะ ยอมเสียตังค์คนละสิบบาทเป็นค่าตั๋วรถไฟฟ้าเพื่อเสียบเข้าเสียบออกทะลุสถานีเข้าห้าง หึหึ จริงๆตอนนั้นเมื่อยมากๆไง อ้อมดันใส่ส้นสูงไป เดี๋ยวนี้ไม่สามารถเดินบนส้นสูงได้เป็นกิโลๆเหมือนแต่ก่อนแล้วก็เลยยอมเสียตังค์ดีกว่าต้องเดินมากไปกว่านั้น เดินดูของในห้างซักพักก็ขึ้นไปทานข้าวเย็นที่ Food Loft

ไปถึงอ้อมก็ขอให้คนเสิร์ฟเขาเอาป้ายจองโต๊ะไปวางไว้ที่โต๊ะริมหน้าต่างให้หน่อยเพราะอยากนั่งสบายๆดูวิวไปด้วย แล้วก็เดินไปซื้อก๋วยเตี๋ยว ส่วนคริสก็ไปซื้อพิซซ่า พอกลับมาที่โต๊ะ อ้าว ดันมีฝรั่งสาวผมบลอนด์มานั่งที่โต๊ะเรา เราก็แบบหงุดหงิดๆนิดๆ แต่ก็ไม่อยากลุยเองก็เลยบอกเด็กเสิร์ฟคนที่เอาป้ายไปวางให้ เขาก็บอกว่าอยู่ๆเธอก็มานั่ง หน้าอ้อมก็ออกแล้วว่าหงุดหงิด เด็กเสิร์ฟก็เลยเข้าไปบอกสาวนั่น ไม่รู้พูดไงแต่เธอไม่ยอมลุกค่ะ!! เด็กเสิร์ฟก็เดินมาบอกเราแบบเกรงใจๆว่าเขาไม่ยอมลุก อ้อมก็โกรธนะ แต่ก็ทำใจ ไม่อยากทะเลาะ ก็เลยไปนั่งที่โต๊ะอีกตัวที่มันไม่ได้วิว คริสมาก็งงๆ อ้าว โต๊ะหาย อ้อมก็บอกมีคนมาแย่งเฉย ก็หงุดหงิดกันทั้งคู่แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรอีกนะ เขาก็มีหนุ่มหัวทองอีกคนมานั่งด้วย ได้ยินที่พูดกัน คงคนรัสเซีย ถึงว่าอ่านภาษาอังกฤษบนป้ายที่บอกว่า Occupied ไม่ออก ก็ทำใจนั่งทานไป คริสเองก็หงุดหงิดที่ตอนซื้อพิซซ่าคิวมันมั่วๆเพราะไม่มีคนต่อแถว แล้วที่เห็นๆในนั้นน่ะ ฝรั่งหัวทองทั้งนั้น ใครว่าฝรั่งต่อคิวเป็นเสมอนี่ก็ไม่แน่นะ ฝรั่งมารยาทไม่ดีมีเยอะไป หรือไม่ก็นึกว่าอยู่เมืองไทยเลยมั่วได้ก็ไม่รู้

มื้อนี้ทานแบบหงุดหงิดๆแต่ยังดีนะที่ก๋วยเตี๋ยวหมูต้มยำแห้งของอ้อมอร่อย ฮ่าๆ ทานเสร็จแล้วอ้อมก็ควักกล้องออกมาถ่ายรูปวิวข้างนอก เพราะโต๊ะติดหน้าต่างอีกตัวมันว่างอยู่ กำลังรอเก็บจาน ขอคนที่รอโต๊ะอยู่แล้วก็ถ่ายใหญ่เลย สักแป๊บเด็กเสิร์ฟคนเดิมก็มาบอกว่า เอ่อ จริงๆห้ามถ่ายรูปนะคะ ถ้าถ่ายก็ขอให้ถ่ายแต่ข้างนอกอย่าถ่ายข้างใน เดี๋ยวคนอื่นถ่ายตาม อ้อมก็บอก โอเค ถ่ายแต่วิวข้างนอกอยู่แล้ว ถ่ายเสร็จเดินออกมาถึงได้เห็นป้ายห้ามถ่ายรูปชัดเจนบนเสา อ่ะจ๊าย ไม่ได้ตั้งใจอ่ะ อ้อมว่าถ้าเป็นปกติเขาคงห้ามไม่ให้ถ่ายรูปเลยแต่เนื่องจากเด็กเสิร์ฟเขาคงเกรงใจที่โต๊ะเราโดนแย่งไปก็เลยมาบอกว่าถ่ายได้แต่ถ่ายข้างนอกเท่านั้น

สรุปก็ได้รูปมาแหละ ที่เห็นข้างล่างนี่ อุตส่าห์รอให้รถไฟฟ้าผ่านมาด้วย ตอนนั้นเย็นมากแล้ว แสงสวยดี





เดินออกจากห้างมาก็ถ่ายรูปอีกหน่อยก่อนขึ้นรถไฟฟ้ากลับบ้าน



อ้อ ไปเดินสยามพารากอนมาด้วย อลังการมากๆเลย แต่ไม่ได้ซื้ออะไรนะ ของมันแพงทั้งนั้น ไปยืนน้ำลายหกอยู่หน้าเสื้อโค๊ตสปริงสีเขียวสดใสของ Zara ตัวละตั้งสี่พัน คริสก็บอกจะซื้อให้เป็นของขวัญวาเลนไทน์ ใจป้ำมะ สามีเรา แต่ด้วยความเป็นคนดี อ้อมก็บอกว่าอย่าเลย ทริปนี้เสียตังค์ไปเยอะมากๆแล้ว และอ้อมก็ว่าของแบรนด์ยุโรปอย่าง Zara หรือ MNG เนี่ย มันไม่น่าแพงขนาดนี้ คือเป็นของไม่แพงที่ยุโรปแต่พอเอาเข้ามาเมืองไทยแล้วมันแพง แต่ยอมรับว่าดีไซน์กับคัตติ้งเขาดีกว่าของอเมริกาจริงๆ สรุปว่าอ้อมบอกคริสไปว่าพาอ้อมไปยุโรปดีกว่านะ แล้วไปซื้อที่นั่นเลย ไม่แพง ฮ่าๆ

สุดท้ายขอบอกว่าชอบบริการของ Food Cellar ที่ชั้นใต้ดินเซ็นทรัลลาดพร้าวมากกว่า Food Loft ของชิดลม ร้านน้อยกว่าก็จริงแต่รู้สึกว่าบริการทั่วถึงกว่า ซื้ออาหารก็ไม่ต้องยืนรอเอง ได้คูปองมาแล้วให้เด็กเสิร์ฟไปรับให้แล้วมาเสิร์ฟที่โต๊ะ (แต่บางทีอ้อมก็รอรับเองแหละ) ที่ชิดลมไม่เห็นทำแบบเดียวกันเลย คงเพราะว่าคนเยอะกว่าและใหญ่กว่ามาก แต่อ้อมว่าถ้าจะชาร์จค่าบริการ 5% มันก็ควรจะมีบริการใช่มั้ย ไม่ใช่เหมือนฟู้ดคอร์ททั่วๆไปแล้วมาชาร์จเฉยเลย แต่ให้เทียบกันระหว่างก๋วยเตี๋ยวหมูต้มยำที่ Food Cellar กับ Food Loft นี่เฉือนกันยากแฮะ อร่อยทั้งคู่ถึงจะใส่เครื่องไม่เหมือนกัน อิอิ

Tuesday, March 20

Dinner @ The Pool


กลับจากเสม็ดก็อาบน้ำแต่งตัวไปทานข้าวกับเพื่อนๆที่ร้าน The Pool ถนนเกษตรนวมินทร์ จริงๆมันไม่ไกลจากบ้านเท่าไหร่แต่อ้อมเคยไปทานข้าวแถวนั้นแค่ครั้งสองครั้งเองมั้ง ร้านอาหารแถวนั้นเยอะมากๆ คนก็เต็มทุกร้าน เห็นมีร้านส้มตำนัวมาเปิดด้วย บรรยากาศดูดีน่านั่งเชียว เล็งๆไว้แล้วว่าคราวหน้าไปแถวนั้นอีกจะไปทานส้มตำจิบเบียร์ดีกว่า

ส่วนบรรยากาศร้าน The Pool ก็ใช้ได้เลย แบ่งเป็นสองโซน โซนนึงสว่างหน่อย ใกล้เวที อีกโซนก็มืดๆ คือโซนที่ไปนั่งกันเพราะคริสงอแงอยากนั่งใกล้ๆจอทีวีจะได้ดูบอลไปด้วย เห็นมีห้องคาราโอเกะอีกต่างหาก ส่วนอาหารก็อร่อย สั่งกันแหลก ทานกันเรียบทุกจาน รูปเซ็ตนี้ออกมามืดๆหน่อยอ่ะ เพราะใช้แฟลชน้อยไป ตั้งกล้องไม่ค่อยถูก

รูปหมู่ ขาดน้องนกคนถ่าย





ทานข้าวกันเสร็จนั่งดื่มนั่งคุยกันต่อ ก็ได้ดูเขิดสิงห์โตเป็นของแถมด้วยเพราะช่วงนั้นเป็นช่วงตรุษจีน มีโชว์สองชุด

ชุดแรกเป็นเชิดสิงห์โตตัวยาวทั่วร้าน



ชุดที่สองเป็นแบบเชิดผาดโผน ก็ดูเพลินดี คนที่แสดงผาดโผนเนี่ยเป็นเด็กตัวเล็กอยู่เลย



พอเชิดสิงห์โตเสร็จก็มีแจกอั่งเปาด้วยการปล่อยลูกโป่ง ข้างในมีส่วนลดค่าอาหาร น้องนกกับเกตุก็เป็นคนบุกเข้าไปเก็บมาหลายลูกอยู่ ลูกที่เด็ดสุดก็คือส่วนลดค่าอาหารไปตั้ง 300 บาท ก็เลยได้ใช้ทันที แต่คืนนั้นกินกันไปตั้งสามพันกว่าแน่ะ

คิดถึงเพื่อนๆจัง

ป.ล. ขอขอบคุณเพื่อนหยูมือใหม่หัดขับอุตส่าห์ใจดีอ้อมรถมารับเพื่อนด้วยทั้งๆที่บ้านตัวเองก็ใกล้ร้านสุดๆ (ว่าแต่ไอ้แผลกันชนถูเสาหน้าบ้านจิ๊บอ่ะ ซ่อมยังเนี่ย)
ป.ล. 2 ขอขอบคุณกิ๊กและน้องนกที่เป็นสปอนเซอร์ส่งเพื่อนคนนี้และสามีตัวอ้วนๆพร้อมเพื่อนตัวไม่เล็กอีกหนึ่งคนกลับบ้านโดยสวัสดิภาพ

Saturday, March 17

ไปเสม็ด...เขาว่าเสร็จทุกราย? (2)

เฮ้อ จิตตกค่ะ จิตตก เมื่อวานหิมะตก เมื่อเช้าตื่นมาก็ขาวโพลนไปหมด เมื่อไหร่มันจะอุ่นซักทีเนี่ย

ต่อเรื่องเสม็ดดีกว่า วันแรกผ่านไปแล้ว อีกสี่วันที่เหลือ กิจกรรมเหมือนๆกันหมดค่ะ

เช้ามาทานข้าวที่มุมนี้ อาหารเช้าเขาจะมีให้เลือกสามชุด เป็น American Breakfast ซะสองชุด อีกชุดคือข้าวต้มหมูหรือไก่ คริสก็ทานแต่ชุด omlette ส่วนอ้อมก็ข้าวต้มทุกวัน ของเขาอร่อยใช้ได้เลยนะ น้ำซุปก็หอมดี ส่วนไข่คนของคริส อ้อมก็แอบชิมหน่อย ใช้ได้เลย ไม่แห้งเหมือนบางที่


บางเช้าอ้อมก็ปรุงข้าวต้มซักหน่อย ใส่พริกน้ำส้มนิด พริกป่นหน่อย อา..อร่อย อยากกินอีกจริงๆ


กินกันจนอิ่ม คริสและจอห์นซึ่งคุยเก่งทั้งคู่เม้าธ์กันกระจายเป็นชม.ก็เคลื่อนพลไปที่สระว่ายน้ำ




รูปรีสอร์ตเพิ่ม ต้นไม้ต้นหญ้าเยอะดีค่ะ เขียวดีคลายร้อนไปเยอะ


ฝักบัวนี่ไม่มีใครใช้เลยเพราะมันใกล้ถนนมากๆ จะไปยืนอะร้าอร่ามล้างตัวตรงนั้นก็กระไรอยู่

ว่ายน้ำเสร็จก็เดินไปทางหน้าด่านหาข้าวกลางวันทานกัน ก็หนักไปทางก๋วยเตี๋ยว อาหารจานเดียวอะไรประมาณนี้ ทานเสร็จก็นั่งคุยนั่งเล่นที่หาดทรายแก้ว มีจิบกาแฟกันบ้าง

มุมนึงของร้านกาแฟ/บาร์ของรีสอร์ทที่หาดทรายแก้ว จำชื่อไม่ได้แล้วว่าชื่ออะไร

สองหนุ่ม(น้อย)

อีกมุมนึงที่อีกด้านนึงของหาด คนน้อยกว่า

อาหารหลักคริสเวลาไปเที่ยวทะเลที่เมืองไทย...Club Sandwich อิอิ

อาหารโปรดที่อ้อมพยายามหาทานทุกที่ทีไป...ส้มตำปู จานนี้ของร้านพลอยทะเล อร่อยใช้ได้


จริงๆวันนั้นกะไปรอแม่ค้าที่หาบไก่ย่างมาขายมากกว่าแต่ไม่เจอก็เลยต้องสั่งของร้านนี้มาทานแทน จริงๆมีไก่ย่างด้วยแต่รอนานมากๆพอมาก็เลยกินซะก่อนลืมถ่ายรูปไป พอวันสุดท้ายมาเดินเล่นที่หาดก่อนกลับอีกที เดินเลยร้านพลอยทะเลไปถึงได้เห็นว่าของกินแบบไทยเพียบเลย ทั้งส้มตำน้ำตกไก่ย่าง พลาดมากๆ ไว้คราวหน้าไปอีกต้องไปทานแถวนั้นให้ได้

ทานข้าวกลางวันเสร็จก็กลับที่พัก เข้าห้องงีบตอนบ่าย พอเย็นๆก็เดินไปที่หาดอีกเพื่อหาข้าวทาน ส่วนใหญ่ก็ทานที่ร้านตามชายหาด



จิบเบียร์เย็นๆรับลมทะเล

อาหารทะเลก็อร่อยใช้ได้เลย ทริปนี้อ้อมได้ทานอาหารทะเลสมใจอยากเพราะจอห์นทานได้ ปกติถ้าไปไหนแต่กับคริสนี่อ้อมจทานได้แต่พวกอาหารจานเดียวเพราะคริสไม่ทานปลาไม่ทานอาหารทะเล แต่ทริปนี้โซ้ยกับจอห์นซะหายอยากเลย

มีคืนนึงนั่งที่ร้านพลอยทะเลก็ได้ดูโชว์กระบองไฟของเขา







แล้วก็อีกคืนนึงจอห์นไปไหนก็ไม่รู้ อ้อมกับคริสก็เลยทานข้าวเย็นที่รีสอร์ทกันสองคน อ้อมทานข้าวผัดแกงเขียวหวาน ส่วนคริส...ดูในรูปข้างหลังก็จะเห็นเองว่าทานอะไร -_-"



แอ๊บแบ๊วถ่ายรูปหลังทานเสร็จหน่อย อิอิ หน้าดำเชียวแก้มก็พอง อ้วนดำกลับบ้าน


หลังจากผ่านไปห้าวันห้าคืนก็ได้เวลาเก็บของกลับบ้านค่ะ ฮือ ก็ถ่ายรูปกันซักหน่อย อ้อมกับคริสดำเชียว ส่วนจอห์นนี่ดำไม่ได้ได้แต่แดง




ตอนรอรถมารับก็ไปเดินเล่นที่หาดทรายแก้วอีกเป็นรอบสุดท้าย ทรายขาวน้ำใส ฟ้าเป็นสีฟ้า แต่แดด...แรงมากๆ






พระอภัยมณีกับนางเงือก อ้อมว่าน่าจะทำให้ดูดีกว่านี้หน่อยอ่ะ ดูนางเงือกสิอย่างกับเอาหัวมาต่อกับบ่าผิดด้าน เธอแบนเชียว



ขากลับก็นั่งรถสองแถวของรีสอร์ทไปที่ท่าเรือแล้วนั่งสปีดโบ้ทกลับเหมือนเดิม คราวนี้เรือลำใหญ่หน่อยไม่ค่อยโคลงมากเหมือนขาไป





พอไปถึงท่าเรือก็ขึ้นรถแท็กซี่ป้ายดำที่อ้อมขอให้ทางรีสอร์ทหามาให้กลับกรุงเทพฯเลย เพราะมันเร็วดี จริงๆหารถตู้นั่งไปลงที่อนุสาวรีย์ชัยฯก็ได้ แต่ไม่อยากนั่งเบียดไปกับคนอื่นกับขี้เกียจรอ ก็เลยยอมจ่ายเยอะหน่อย 1,800 บาทแต่ไม่ถึงสามชม.ก็ถึงบ้านแล้ว วันนั้นนัดทานข้าวกับเพื่อนไว้ด้วยก็เลยไม่อยากไปถึงกรุงเทพฯช้าเกิน

สรุปว่าอ้อมชอบทริปนี้มากๆ ได้พักผ่อนจริงๆเพราะไปตั้งห้าวัน แถมเป็นวันธรรมดาบนเกาะคนไม่เยอะมาก วันเสาร์ที่กลับเนี่ยเห็นเลยว่าคนกำลังขึ้นเกาะกันเยอะจริงๆเพราะเป็นวันหยุดตรุษจีนด้วย ถ้าจะไปเกาะเสม็ดอีกจะไปวันธรรมดาแบบเนี้ยแหละ ส่วนตัวรีสอร์ตก็ประทับใจเพราะบริการดี อาหารอร่อย แต่ถ้าต้องเสียราคาเต็มนี่ก็ไม่แน่ว่าจะไปอีกมั้ยเพราะแพงพอสมควรเลย