Friday, February 29

เรื่องเล่าจากซาอุ (ตอนที่ 6): เที่ยวเมืองเก่า Old Dar'iyah (เพิ่มรูปค่ะ)

แวะมาแปะรูปเมือง Old Dar'iyah ให้ดูกันเพิ่มค่ะ ขอบอกว่าส่วนใหญ่คริสเป็นคนถ่าย แหะๆ แต่อ้อมทำเนียนทำลายน้ำเป็นชื่อตัวเองเพราะขี้เกียจ

อ้อมเองเดินตุ้มต๊ะตุ้มตุ้ยไปเรื่อยๆก็เหนื่อยแล้วค่ะ บางทีต้องเดินข้ามคูที่เขาขุดไว้ด้วย มีอยู่ตอนนึงคุณคริสบอกให้โดดข้ามเอา โหหหหหห เมียท้องโย้ขนาดนั้นมีบอกให้โดดข้ามคู มันไม่กว้างเท่าไหร่หรอกค่ะ แต่อ้อมก็ไม่ยอมโดด บ้า โดดไม่ข้ามตกลงไปก็แย่อ่ะสิ สรุปว่าคนงานก่อสร้างที่อยู่แถวนั้นเห็นแล้วคงสงสาร ก็เลยเอาไม้มาพาดให้ เชอะ สามีชั้น ไม่ได้สงสารคนแบกพุงอย่างเราเล้ย

Photobucket


Photobucket


Photobucket


Photobucket


Photobucket


Photobucket


Photobucket


Photobucket


Photobucket


ปิดท้ายด้วยรูปประตูเก่าๆค่ะ

Photobucket


Photobucket


Photobucket


ปล. ตอนนี้สบายดีทั้งแม่และลูกค่ะ อาทิตย์ที่แล้วกังวลว่าเจดดิ้นน้อยลงไปหน่อย เลยไปหาหมอ เจอหมอสั่งอัลตราซาวนด์แบบละเอียดเข้าไป จ่ายตังค์ไป 500 riyals (ก็ห้าพันห้าร้อยบาทได้) พอแม่เสียเงินเท่านั้นลูกก็ดิ้นโชว์หมอทันทีเลย คริสบอกว่าแล้วเชียว ฮ่าๆ แต่ทำไงได้เสียตังค์ค่า peace of mind ไปอย่างแพง แต่ก็ดีกว่าเป็นอะไรไปแล้วแก้ไขไม่ทันเนอะ

Wednesday, February 20

เข้าไตรมาสที่สามแล้วค่ะ

มาอัพเดทรูปพุงหน่อย ตอนนี้ก็เข้าไตรมาสที่สามแล้ว เพิ่งไปหาหมอมาเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว ก็ไม่มีอะไรมาก หมอเช็คคร่าวๆให้ ฟังเสียงหัวใจเจดเต้นก็ปกติแข็งแรงดี แต่ที่ไม่ดีก็คือน้ำหนักอ้อมขึ้นมาตั้งสามโลในเดือนเดียว หมอเตื่อนว่าเยอะไปหน่อย ถ้าขึ้นขนาดนี้ทุดเดือนกว่าจะคลอดก็แย่พอดี ตัวใหญ่เกิน ตอนนี้ก็เลยงดทานของหวานๆไปแล้ว หวังว่าจะดีขึ้นหน่อย ตอนนี้น้ำหนักก็อยู่ที่ 57.5 กิโล ขึ้นมารวม 9 กิโลแล้ว แหะแหะ ตอนแรกนน.ไม่ค่อยขึ้นก็วางใจ ที่ไหนได้พอเข้าไตรมาสที่สองนี่บวมเอาๆ คาดว่ากว่าจะคลอดต้องทะลุ 60 กิโลแหงๆ

Photobucket


อาการคนท้องตอนนี้ก็ทั่วๆไปค่ะ มีเมื่อยขาเมื่อยก้นทุกวัน วันไหนใช้ขาเดินยืนนานๆ เท้าก็บวม แต่พอเทอมนี้ได้สอนน้อยลง แค่วันละสามชม.ก็ดีขึ้นมากๆ แต่ที่ทำงานก็เสียอย่างตรงที่ต้องเดินขึ้นลงบันไดเยอะหน่อย ทำให้มีเหนื่อยบ้าง ก็อาศัยค่อยๆเดินเอา

สุดท้ายก็คือตอนนี้รู้สึกว่าเจดดิ้นได้ชัดเจนมาก ทั้งเวลาเจดสะอึกหรือเคลื่อนไหวเต้นดิสโก้อยู่ในพุง บางครั้งพุงที่โย้ซ้ายโย้ขวาเลย เพิ่งมีสักสองวันที่ผ่านมาที่รู้สึกจะเงียบไปหน่อย ดิ้นไม่แรงมาก ไม่รู้เพราะอ้อมงดทานของหวานรึเปล่า น้ำตาลน้อยไปหน่อย เลยไม่ค่อยคึก แต่ก็ยังรู้สึกว่าเจดเคลื่อนไหวอยู่ค่ะ

เหลืออีกสามเดือนเท่านั้น!!

Thursday, February 14

เรื่องเล่าจากซาอุ (ตอนที่ 5): ชั้นไม่ใช่น้องปินส์!!

ตั้งแต่มาอยู่ที่ซาอุนี่ก็สามเดือนจะสี่เดือนเข้าไปแล้ว ขอสารภาพว่าภาษาอารบิคนี่ยังไม่กระดิกเลยค่ะ ทำไมน่ะเหรอ ก็นอกจากจะใช้ภาษาอังกฤษที่บ้านกับคุณคริส ที่ทำงานก็พูดอังกฤษตลอดเหมือนกัน จะไปขอให้นักเรียนสอนภาษาอารบิคให้ก็กลัวจะโดนไล่ออกซะก่อนค่ะ ที่สำคัญอยู่ที่นี่ไม่ต้องพูดอารบิคก็เอาตัวรอดได้แล้วเพราะไม่ว่าจะทำอะไร ไปซื้อของที่ไหน ก็ใช้ภาษาอังกฤษได้หมด เพราะว่าแรงงานทั้งหลายที่นี่เนี่ย ต่างด้าวทั้งนั้นค่ะ จากข้อมูลในวิกิพีเดีย ซาอุมีประชากรทั้งหมด 27 ล้านคน เป็นต่างด้าวที่เข้ามาทำงานซะห้าล้านกว่าคน ส่วนใหญ่ก็จะมาจากอินเดีย ปากีสถาน และบังกลาเทศ ที่มีมากไม่น้อยหน้าแขกทั้งหลายก็หมู่เหล่าฟิลิปปินโน เพื่อนบ้านเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของเรานี่แหละ อยู่ที่นี่กันร่วมล้านคนเหมือนกันค่ะ

เนื่องจากมีน้องปินส์อยู่กันมากขนาดนี้ เดินไปทางไหนก็จะเจอน้องปินส์เต็มไปหมดค่ะ ถ้าเป็นผู้หญิง (เรียกว่าฟิลิปปินนา) ก็ทำงานเป็นพยาบาลในโรงพยาบาลบ้าง แต่ส่วนใหญ่ก็เป็นแม่บ้าน คนใช้ คนเลี้ยงลูก ค่ะ เรียกว่าไปห้าง ไปซุปเปอร์มาร์เก็ตเนี่ย เจอน้องปินส์เต็มไปหมด รู้ได้ไงว่าเป็นน้องปินส์เหรอคะ ง่ายมาก หน้าเขาก็เหมือนหน้าเรานั่นแหละ ใส่ abaya ไม่คลุมหัวทำตัวเป็น infidels เดินกันขวักไขว่ให้คนซาอุเหล่ ฮ่าๆ หน้าเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อย่างเราก็กลืนไปกับเขามากๆ บ่อยครั้งเลยที่มีคนเดินเข้ามาเว้าตากาล็อกด้วย ก็ได้แต่บอกเขาว่าบ่ใช่ฟิลิปปินน่าเด้อ บางทีนั่งๆอยู่คนเดียวในห้าง หนุ่มฟิลิปปินส์เดินผ่านไปก็มีแอบแซว แต่ขอโทษ ฟังไม่ออกฮ่ะ เลยไม่รู้จะยิ้มรับเพราะเขาชมหรือทำเชิดใส่ดี

เวลาไปซื้อของก็จะมีคนถามค่ะ ว่ามาจากไหน ส่วนใหญ่เขาก็ไล่ไป ตั้งแต่ฟิลิปปินส์ มาเลย์เซีย อินโดนีเซีย ก็บอก โนว์ โนว์ โนว์ ไทยแลนด์เฟร้ย ไม่เคยมีใครทายถูกเลยค่ะว่ามาจากเมืองไทย สงสัยแรงงานไทยไม่มีมาที่นี่นานมากแล้วจริงๆ

ทีนี้ไอ้ถูกทักว่าเป็นฟิลิปปินนานี่มันก็ไม่น่าเจ็บใจเท่าไหร่หรอกค่ะ ทำใจได้ หน้ามันเหมือนๆกัน ยิ่งเดินไปทางไหนกับคริสนี่ก็มีคนมองทั้งสาวซาอุและสาวปินส์ คงเห็นว่าเราโชคดี ได้แต่งงานกับฝรั่งด้วยเว้ยเฮ้ย ฮ่าๆ แต่บางทีดันมาปฏิบัติกับเราแบบเราเป็นคนใช้เหมือนกันนี่สิเซ็งเลย ที่เจอครั้งแรกก็ตอนไปโรงพยาบาลรัฐเพื่อตรวจสุขภาพทำใบต่างด้าวที่เรียกว่า iqama ตอนนั้นก็มีคนมาเตือนแล้วนะว่าอย่าไปรพ.รัฐเล้ย ยอมเสียเงินไปรพ.เอกชนดีกว่า แต่คนขับรถของที่ทำงานยืนยันว่าจะพาไปรพ.รัฐ เราก็อ่ะ หยวนๆ ไปก็ได้ ลองดู ก็ไปพร้อมกับคริสนั่นแหละ ไปถึงก็แยกกันเพราะที่นี่มันแยกชายหญิงหมด ส่วนที่เป็นของผู้ชายก็ดูดีเชียวค่ะ คริสเข้าไปติดต่อก็ไม่มีปัญหาอะไร มีคนพูดภาษาอังกฤษด้วยอย่างดี แต่ไอ้ของอ้อมนี่ เข้าไปแล้วท้อเลย สถานที่ก็ไม่ค่อยจะสะอาด ป้ายบอกทางบอกขั้นตอนอะไรก็ไม่มีทั้งนั้น เข้าไปถามก็ได้แต่โดนปัดมือส่งๆออกมา ว่าให้ไปทางนั้นทางนี้แบบเสียไม่ได้ เหมือนเราเป็นชนชั้นแรงงานขั้นต่ำอ่ะ ไอ้เราก็ต้องไปต่อคิวทางนั้นทางนี้หลายรอบมากๆ แถมต้องคอยกันคนที่จะมาแซงคิวอีก นอกจากนี้ก็แอบสยองในความสกปรกของสถานที่ไปด้วย ท้องก็ท้องอยู่ กลัวมากๆว่าจะติดเชื้ออะไรมาก็ไม่รู้ตอนเจาะเลือด หรือไม่ก็จะโดน x-ray ปอด สุดท้ายเสียเวลาไปสามชม.เต็ม ไม่ได้อะไรเลย!! ต้องไปรพ.เอกชนอีกรอบ เสียตังค์ไป 300 riyals มีคนพูดภาษาอังกฤษรู้เรื่องคอยบอก ใช้เวลาทำเรื่องทั้งหมดเสร็จภายใน 20 นาที -_-"

อีกครั้งนี่ฮากว่า กำลังเลือกแตงโมอยู่ในซุปเปอร์มาร์เก็ต อยู่ๆก็มีหนุ่มซาอุเข้ามาช่วยเลือก บอกลูกนั้นดี ลูกนี้ไม่ดี ไอ้เราก็ขยับถอยห่างไปสองก้าว แล้วก็ขอบอกขอบใจเขาไป คุณพี่แกเลยได้ทีเกริ่นมาเลยฮ่ะ "You know, my wife and I are looking for a maid...." -_-" ฮ่วย หาคนใช้แล้วมาเกี่ยวอะไรกับตรูด้วยวะ แต่ก็ทำตัวเป็นคนดีบอกเขาไปว่า "urrrr, I just got here. I don't know anyone." แล้วก็เดินหนีเขามาค่ะ แต่ในใจงี้แอบแค้น ชั้นไม่ใช่น้องปินส์นะ(ยะ)!!!!

Monday, February 11

เรื่องเล่าจากซาอุ (ตอนที่ 4): เที่ยวเมืองเก่า Old Dar'iyah

Photobucket


วันนี้พาเที่ยวเมืองเก่า Dar'iyah (อ่านว่าดะเรียห์)ที่อยู่นอกตัวเมืองริยาดห์ทางตะวันตก ขับรถไปแค่ครึ่งชม.(แบบไม่หลง)ก็ถึงแล้วค่ะ

Photobucket


Photobucket


Photobucket


Photobucket


ดะเรียห์เป็นเมืองหลวงเก่าของอาณาจักรซาอุแรก เป็นที่มั่นที่ครอบครัว Al Saud ใช้เป็นฐานในการขยายอาณาเขตในช่วงศตวรรษที่ 18 ต่อมาในปีคศ. 1818 อาณาจักรออตโตมานได้ส่งกองทัพมาโจมตีเมืองดะเรียห์ และทำลายเมืองลง ราชวงศ์ Al Saud ที่หนีรอดได้ไปก่อตั้งเมืองใหม่ที่ Riyadh และดะเรียห์ถูกทิ้งร้างมาจนกระทั่งศตวรรษนี้ที่มีไม่กี่ครอบครัวเข้าไปอาศัยอยู่ จนกระทั่งช่วงทศวรรษ 1970 รัฐบาลซาอุจึงได้เริ่มทำการบูรณะซ่อมแซมเมืองในฐานะเมืองเก่า (ย่อความแปลจากหนังสือ Desert Treks from Riyadh by Ionis Thompson)

จากที่เห็นนะคะ ขอบอกว่าตัวเมืองนั้นแทบไม่เหลืออะไรให้ดูมากแล้ว ส่วนใหญ่เป็นซากปรักหักพังทั้งนั้น มีบางส่วนที่ได้นับการรักษาซ่อมแซมแบบครึ่งๆกลางๆ เช่นบ้านเรือนเก่าๆนั้นก็มีคานใหม่รับน้ำหนักบ้าง แต่ก็มีอยู่มากที่ติดป้ายว่าเป็น dangerous area ห้ามเข้าเพราะอาจถล่มได้

ลองไปดูบ้านเก่าๆเขาก่อน ก่อสร้างด้วยทรายและหินทั้งนั้น ส่วนคานรับน้ำหนักก็เป็นไม้ บ้านแบบนี้กันความร้อนได้ดี

Photobucket


Photobucket


Photobucket


Photobucket
เท่าที่เห็นแต่ละบ้านจะเปิดโล่งตรงกลางเหมือนเป็น courtyard


ไปดูส่วนที่เขาซ่อมแซมสร้างขึ้นมาใหม่แล้วบ้าง ประเทศนี้ก็แน่นอนเลย ซ่อม mosque หรือมัสยิดก่อนค่ะ

Photobucket


Photobucket


Photobucket


Photobucket


Photobucket
ขอยืนพุงโย้หน้าประตู


Photobucket
แอบดูข้างในสักนิด เขาไม่เปิดให้เข้าค่ะ


ขอบอกว่าที่เดินๆจนทั่วเนี่ย ไม่ได้รู้เรื่องราวความเป็นมาอะไรทั้งนั้นค่ะ เพราะมันไม่มีป้ายบอกให้ความรู้อะไรเลย Visitor's Center ก็ง่อยมาก ไม่มีโบรชัวร์อะไรแจกทั้งนั้น ก็ได้แต่เดินตามป้ายบอกทางไปเรื่อยๆ เดินอยู่ชม.นึงก็กลับค่ะ ก็ได้แต่หวังว่าอีกหน่อยเขาทำนุบำรุงเสร็จแล้ว คงจะสวยงามน่าเดินมากๆกว่านี้ นึกถึงเมืองเก่าอยุธยาบ้านเรา ของเราน่าเดินกว่ามาก

ปิดท้ายด้วยรูปตัวเอง

Photobucket


ยังมีรูปเหลืออีกหลายรูป เดี๋ยวลงบล็อกหน้าละกัน

Saturday, January 26

เปลี่ยนหมอ เปลี่ยนโรงพยาบาล เท้าเริ่มบวม

เมื่อสองอาทิตย์ก่อนมีนัดกับหมอคนเดิมที่โรงพยาบาล The Kingdom เหมือนเดิม พอไปถึงโรงพยาบาลก็ได้รู้ว่าไอ้ที่นัดไว้ล่วงหน้าอ่ะ มันไม่ได้รวมนัดอัลตราซาวนด์ที่หมอสั่งด้วย ฮ่วย ใครจะไปรู้วะว่าต้องนัดแยกกัน คือไปทำนัดเองที่แผนก x-ray ก่อนจะไปนัดหมอ ตอนที่นัดกับหมอ คนที่ทำนัดให้ไม่เห็นบอกเรานี่หว่าว่าต้องนัดอัลตราซาวนด์ก่อนทั้งๆที่ใบหมอสั่งมันก็เย็บอยู่ติดกับใบนัดนั่นแหละ นางพยาบาลก็ไม่บอกเราด้วย สรุปว่าต้องเดินไปที่แผนก x-ray เพื่อลองขอนัดเขาดูในวันนั้นเลย ทางนั้นก็บอกเต็ม แทรกให้ไม่ได้ ผู้ชายซาอุคนนึงที่นั่งอยู่ที่เคาน์เตอร์ OB/GYN เขาก็ดีมากเลย เสนอว่าเดี๋ยวลองโทรหาหมอละกัน เผื่อหมอจะโทรไปบอกทางนั้นให้แทรกเราได้ ต่อโทรศัพท์ให้เสร็จสรรพ พออ้อมคุยกับหมอ หมอบอกแล้วแต่ทางแผนก x-ray อ้าว หมอไม่ช่วยกันเลยนี่หว่า สรุปว่าไปวันนั้นเสียเที่ยว ต้องนัดใหม่อาทิตย์ถัดไป ตอนนั้นก็ชักเริ่มตุ่ยๆกับบริการของทางรพ.และหมอแล้ว ประกอบกับที่ไม่ได้ถูกชะตากับหมอคนนี้มากนักตั้งแต่แรก คือเขาก็โอเค แต่ไม่ถึงกับประทับใจ ก็เลยลองถามถึงหมอชื่อ Dr. Fatimah ที่เพื่อนที่ทำงานแนะนำมาอีกรอบ จากที่เคยถามตอนแรกเลยที่มาแล้วได้คำตอบว่าหมอคิวเต็มไปอีกสองเดือน คราวนี้ลองถามใหม่ ผู้ชายซาอุคนเดิมนั่นแหละ เขาบอกตรงๆว่าหมอ Fatimah ย้ายไปทำที่อื่นแล้ว อ๊ะ เข้าทาง เลยถามแย้บต่อว่าแล้วหมอ Fatimah คนนี้ดีกว่าคนที่อ้อมหาอยู่ที่โรงพยาบาลนี้มั้ย ฮู้ย พี่แกตอบมาตรงๆ ฟันธงดีกว่า 100%! อ้อมกับคริสก็เลยถามต่อ งั้นติดต่อหมอได้ไงอ่ะ เขาก็พาเดินออกมาจากเคาน์เตอร์หาเบอร์หมอ เบอร์โรงพยาบาลที่หมอทำให้เสร็จสรรพ ก็ขอบอกขอบใจเขาไป

หลังจากนั้นก็เลยได้ไปดูโรงพยาบาลใหม่ ชื่อ The Specialized Clinic Hospital อยู่กลางเมืองใกล้ย่านช็อปปิ้งเลย ดูสถานที่ ดูค่าใช้จ่าย แล้วก็โอเค เป็นโรงพยาบาลเอกชนระดับเดียวกัน ค่าใช้จ่ายก็ไล่เลี่ยกัน ก็เลยขอนัดหมอ วันรุ่งขึ้นก็ไปหาหมอเรียบร้อย หมอน่ารักกว่าคนเก่าจริงๆด้วย ดูมีประสบการณ์มากกว่าอีกต่างหาก โอเคเลย ค่อยยังชั่วหน่อย ไม่งั้นคงต้องเปลี่ยนหมอเปลี่ยนรพ.ไปด้วยจนกว่าจะคลอด ฮ่าๆ

เมื่ออาทิตย์ที่แล้วก็ไปอัลตราซาวนด์ช่วงไตรมาสที่สองแบบละเอียดมา หมอก็ดูว่ามีอะไรผิดปกติมั้ย คราวนี้คริสได้เข้าไปดูด้วย ก็ได้เห็นเจดดิ้นดุกดิกๆ เห็นกระดูกสันหลัง เห็นหัวใจเต้นตุบๆ เห็นมือเห็นขา และหมอก็คอนเฟิร์มว่าผู้หญิงนะ หลังจากคริสถามไปสามรอบว่าผู้หญิงหรือผู้ชาย จนหมอต้องหันมาถามคริสว่าเป็นคนอะไร มาจากไหน เพราะปกติมีแต่คนซาอุที่แคร์ว่าลูกชายหรือลูกสาว ฮ่าๆ

ตอนนี้ก็โล่งใจไปหนึ่งเปลาะล่ะค่ะที่ลูกแข็งแรงดี ตอนนี้น้ำหนักเจดอยู่ที่ 550 กรัม หรือหนึ่งปอนด์ ตามเกณฑ์อายุครรภ์เป๊ะเลย ดิ้นทุกวัน ส่วนใหญ่จะเป็นตอนบ่ายๆ หลังจากที่อ้อมงีบกลางวันแล้วตื่นมา โดยเฉพาะเวลาอ้อมหิว กับตอนกลางคืน บางทีก็รู้สึกแค่ตอดๆ แต่บางทีก็รู้สึกเหมือนท้องผลุบเข้าผลุบออกเลย มันส์ดีเหมือนกัน

อ้อมเองก็ทำน้ำหนักขึ้นมาใช่ย่อย ตอนนี้อยู่ที่ 55 กิโลแล้ว เดือนครึ่งที่ผ่านมาขึ้นมาพรวดเดียว 3 กิโล เร็วไปหน่อย ตอนนี้จะพยายามให้ช้าลง สงสัยเพราะทานของหวานมากไป อาการที่เพิ่งเริ่มเป็นเมื่อสักสามสี่วันที่ผ่านมาก็คือ ข้อเท้ากับเท้าบวม อันนี้ก็ตามปกติเหมือนกัน เส้นเลือดที่ลงไปที่ขาโดนกดก็เลยเกิดอาการน้ำคั่งที่ขาได้ ที่เป็นมากๆก็คือวันที่มีสอนนั่นแหละ ทั้งยืนทั้งเดินวันละ 4-5 ชม.ไม่บวมได้ไง แต่โชคดีมากๆที่ตอนนี้หมดสอนแล้ว ไม่ต้องสอนไปอีกสามอาทิตย์เพราะหมดเทอมแรกล่ะ แถมที่ทำงานก็น่ารักมาก เขาเสนอคุมสอบแทนให้ อ้อมจะได้ไม่ต้องเดินหรือยืนมาก ช่วงนี้เลยสบายค่ะ =^_^=

ดูรูปพุงโย้ๆดีกว่า โตกว่าสองอาทิตย์ที่แล้วมากกกกกกกกกก แถมหน้าก็บวมฉึ่งเลย ให้ดูรูปหน้าตรงไม่ได้ค่ะ

Photobucket


กับรูปเสื้อผ้าเจดที่เริ่มซื้อเตรียมๆไว้บ้างแล้ว เพราะตอนนี้ร้านค้าลดราคากันกระจาย

Photobucket


และชุด travel system รถเข็นเด็กพร้อม car seat ลดราคาอยู่เหมือนกันเลยรีบซื้อไว้ก่อน

Photobucket


ที่นี่น่ากลัวมากๆเพราะเขาไม่ให้เด็กๆนั่ง car seat กันเลย เด็กเล็กก็แม่อุ้ม ไอ้ที่โตหน่อยก็ยืนกันเต็มรถไปหมด เห็นแล้วเสียวแทนเพราะคนที่นี่ขับรถแย่มากๆ ทั้งอันตรายทั้งงี่เง่า เมืองไทยว่าแย่แล้ว ที่นี่แย่กว่าสิบเท่าค่ะ เพราะงั้นลูกเราต้องนั่ง car seat แบบถูกต้องตาม standard เท่านั้น เพื่อความปลอดภัยค่ะ

Friday, January 18

เรื่องเล่าจากซาอุ (ตอนที่ 3): อยู่ compound (ที่ไม่ค่อยจะดี) เป็นอย่างไร

ชาวต่างชาติที่อาศัยอยู่ในริยาดส่วนใหญ่จะอยู่กันใน compound นะคะ คอมพาวนด์ก็จะมีรั้วรอบขอบชิด มีการรักษาความปลอดภัยเป็นอย่างดี คือเรียกได้ว่ามียามถือปืนกลปืนยาวคอยเช็คดูรถทุกคันที่ผ่านเข้าออกนั่นแหละ ถ้าไม่ได้อยู่ในคอมพาวนด์นั้นก็ต้องมีการแลกบัตรก่อนถึงจะเข้าไปได้ แถมยามต้องได้รับการแจ้งล่วงหน้าด้วยว่าจะมีใครมาหาใครที่บ้านหลังไหน

คอมพาวนด์ที่อ้อมกับคริสอยู่นี่ชื่อว่า Al Yamama I อยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของตัวเมืองริยาด ก็ไม่ได้ไกลจากตัวเมืองมาก ขับรถไปทำงานในเมืองก็ประมาณ 15-20 นาทีถ้ารถไม่ติด หรือไปช็อปปิ้งกลางเมืองก็ประมาณ 20-30 นาที

คนที่อยู่ที่คอมพาวนด์นี่ส่วนใหญ่จะเป็นคนที่ทำงานที่เดียวกับอ้อมกับคริส ก็เลยมีทั้งคนต่างชาติและซาอุปะปนกันไป ซึ่งตรงนี้แหละมันทำให้คอมพาวนด์นี้ไม่ค่อยจะดีเท่าไหร่นัก โดยทั่วๆไปคอมพาวนด์ทั้งหลายจะมีแต่ต่างชาติ ซึ่งก็หมายถึงว่าพอเรากลับบ้านเข้าไปในคอมพาวนด์แล้วเนี่ย เรามีอิสระ ไม่ต้องทำตามกฎซาอุที่ให้ผู้หญิงคลุมตัวคลุมผม บริการสาธารณะก็แยกหญิงชายออกจากกัน แต่ที่ Al Yamama I นี่ไม่งั้นสิคะ หน้าบ้านก็ซาอุ หลังบ้านก็ซาอุ เพราะงั้นอ้อมจะออกไปเดินหน้าบ้านทีก็ต้องควัก abaya ออกมาใส่ สระว่ายน้ำที่ออกกำลังอะไรทั้งหลายก็ไม่เปิดให้ผู้หญิงเข้าไปใช้ได้ด้วยข้ออ้างที่ว่าไม่มีผู้หญิงมานั่งเฝ้าให้ คือถ้าวันไหนเปิด ผู้ชายเข้าได้เท่านั้น ถ้าผู้หญิงจะใช้ก็ต้องรอวันที่เปิดให้ผู้หญิงเท่านั้น ซึ่งก็ไม่ได้เปิดให้ผู้หญิงใช้มานานสองสามปีแล้วมั้ง แถมที่นี่ก็เรียกว่าไม่ได้รับการดูแลเท่าที่ควร เนื่องจากสถานที่ทำงานของอ้อมเอง (ของรัฐบาลซาอุนี่แหละ) เซ็นสัญญาเช่าคอมพาวนด์แต่ไม่ได้จ้างเจ้าของคอมพาวนด์ให้ดูแลด้วยเนื่องจากแพง ก็เลยจ้างคนมาทำเอง ก็เลยห่วยสิคะ สระว่ายน้ำก็ไม่ได้มีการดูแล ร้านอาหารที่สปอร์ตคลับก็ปิดไป มีซุปเปอร์มาร์เก็ตเล็กๆอยู่ที่นึง ตอนแรกที่มาก็ยังเปิดตลอดเวลาไม่ปิดช่วงสวด ตอนนี้ปิดช่วงสวดด้วยแล้ว ฮ่วย

ดูรูปบ้านก่อนดีกว่าเดี๋ยวบ่นต่อ

Photobucket


Photobucket


Photobucket


Photobucket


Photobucket


จริงๆก็พอใจกับตัวบ้าน(เรียกว่าวิลล่า)นะคะ กว้างขวางใช้ได้เลย สองห้องนอนสองห้องน้ำ มีเฟอร์นิเจอร์พร้อม มีเครื่องซักผ้าเครื่องปั่นผ้าให้เสร็จสรรพ ครัวก็ใหญ่ อยู่สบายๆ จนกระทั่งได้ไปเห็นคอมพาวนด์อื่นๆนี่แหละ ถึงได้รู้ว่าไอ้ที่เราอยู่นี่มันลูกเมียน้อยนี่หว่า เช่น ที่ Al Yamama II รั้วติดกันเนี่ย การรักษาความปลอดภัยก็ดีกว่า สภาพทั่วๆไปก็ดีกว่ามาก หน้าบ้านแต่ละบ้านมีสวนสวยงาม (ไม่ใช่ต้นไม้โทรมๆอย่างหน้าบ้านเรา) สระว่ายน้ำอย่างใหญ่ มีร้านอาหารอย่างดี ที่สำคัญมีกิจกรรมให้เด็กๆมากมายค่ะ จะพ่อจะแม่ก็พาเด็กๆไปเรียนนู่นเรียนนี่เสริมความรู้ได้ทั้งนั้น อยู่ในนั้นไม่ต้องคลุมตัวคลุมผม อยากใส่อะไรก็ใส่ ได้ไปเยี่ยมพี่คนไทยที่อีกคอมพาวนด์นึง หูว์ ดีกว่าอีก มีโรงเรียนอินเตอร์อยู่รั้วติดกัน มีวารสารของตัวเองบอกข่าว แจ้งกิจกรรมเด็กๆ เรียกว่าเหมาะมากๆสำหรับครอบครัว อยู่ที่นี่เน้นครอบครัวเป็นหลักค่ะ คนโสดๆจะไม่ได้อยู่คอมพาวนด์แบบนี้หรอก

เฮ้อ พูดไปก็หาว่าบ่น ที่อยู่ที่มีก็ใช่ว่าไม่ดี แต่ก็ขอบ่นล่ะค่ะ กลับบ้านจากทำงานเหนื่อยๆทั้งทีก็อยากผ่อนคลายเป็นตัวของตัวเองจริงๆ แต่อยู่ใน Al Yamama I นี่มันทำไม่ได้นะ ที่เซ็งมากกว่าคือเรื่อง facilities ทั้งหลายที่มันน่าจะดีกว่านี้ คิดดูละกันว่าอยู่ที่ซาอุไม่มีอะไรอย่างอื่นให้ทำ โรงหนังก็ไม่มี ร้านกาแฟส่วนใหญ่ก็ไม่มีที่ให้ผู้หญิงนั่ง มีแต่ห้างให้เดินช็อปปิ้ง ถ้าเราหากิจกรรมอะไรทำได้ในคอมพาวนด์นี่ก็ดีกว่าออกไปเดินห้างมากๆ นี่อ้อมอยากไปเดินออกกำลังบนสายพานในยิมกับคริสก็ทำไม่ได้ จะไปว่ายน้ำก็ว่ายไม่ได้ ที่สำคัญก็คือหลังคลอดอ้อมจะกลับไปทำงานก็ต้องฝากเจดไว้กับ daycare ที่นี่ ยังไม่ได้ไปดูเองเลย คิดว่าก็น่าจะโอเคแต่ปัญหาก็คือนางพยาบาลดันไม่พูดภาษาอังกฤษ กลัวเวลามีปัญหาแล้วจะพูดกันไม่รู้เรื่องนี่แหละ

แต่....ตอนนี้ก็มีข่าวลือแพร่สะพัดอยู่ว่าทุกคนอาจจะต้องย้ายออกจากที่นี่ค่ะ เพราะสัญญาเช่าจะหมดในเดือนมิถุนา แถมเจ้าของที่ก็อยากได้ที่คืนจะแย่อยู่แล้วเพราะมันโทรมลงไปมากๆ (อย่างว่าให้ซาอุอยู่ซาอุดูแลก็อาจเป็นเช่นนี้ได้น่ะแหละ) ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงๆก็ลุ้นกันล่ะค่ะว่าเขาจะย้ายเราไปอยู่ที่ไหน ถ้าต้องย้ายบ้านช่วงเดือนพฤษภาคงสนุกน่าดู กำหนดอ้อมคลอดพอดี ฮ่ะๆๆ

Saturday, January 12

เจดถีบแม่แล้วจ้า

ขอเขียนย้อนหลังหน่อย เมื่ออาทิตย์ที่แล้วได้รู้สึกว่าเจดดิ้นดุ๊กดิ๊กๆอยู่ในพุงแล้วค่ะ เออ จริงๆต้องเขียนย้อนหลังไปถึงอัลตราซาวนด์ครั้งแรกที่นี่เลยมั้ง ไปหาหมอที่โรงพยาบาล The Kingdom ซึ่งเป็นโรงพยาบาลเอกชนที่ริยาดนี่ หมอก็ดูแบบคร่าวๆให้ ก็ได้เห็นกระดูกสันหลัง เห็นลูกนอนอยู่หัวใจเต้นตุบๆ แล้วหมอก็ดูขาดูก้นด้วย เห็นชัดอยู่เหมือนกัน อ้อมก็เลยถามหมอว่าผู้หญิงหรือผู้ชาย หมอก็บอกว่า "It looks like a she." ค่ะ ตอนนี้ก็เลยเรียกลูกว่าเจด Jade ที่แปลว่าหยก เป็นชื่อที่อ้อมคิดไว้นานแล้ว

ทีนี้เมื่อสองอาทิตย์ก่อน อ้อมก็เริ่มเข้า week ที่ 21 แล้ว ตามหนังสือเขาว่าน่าจะรู้สึกว่าลูกดิ้นได้ตั้งแต่ช่วง week ที่่ 16-22 อ้อมก็ขักเริ่มกังวลหน่อยๆ เอ...ชักจะข้าไปหน่อยแล้วจนป่านนี้ยังไม่รู้สึกเลย กลัวว่าตัวเองเหนื่อยไปไม่มีเวลาผ่อนคลายอย่างจริงจัง ทำให้ไม่รู้สึกซักที หรือไม่งั้นก็หมายความว่ามีอะไรผิดปกติรึเปล่า จนบ่ายวันที่ 3 มกรา กลาง week 21 นั่นแหละ ลองนั่งพักผ่อนดูทีวีแบบสบายๆอย่างจริงจังดู (ปกติอยู่บ้านวันหยุดก็ทำงานบ้าน ทำกับข้าวตุนไว้ไปเรื่อยเปื่อย ไม่ค่อยได้อยู่นิ่งๆมาก) สักพักรู้สึกเหมือนมีอะไรเต้นๆตุบๆอยู่ในท้องค่ะ เหมือนมีหัวใจเต้นตุบๆอยู่ ก็ไม่แน่ใจว่าใช้เจดดิ้นรึเปล่า แต่ก็หันไปบอกคริสแหละ พอแม่โทรมาเย็นนั้นก็เลยถามแม่อีกที แม่ก็บอกว่าใช่แล้วล่ะ ดีใจมากๆเลย เจดมาถีบแม่ตามเวลา เหมือนกับจะบอกแม่ว่าไม่ต้องกังวลล่ะน้า หนูสบายดีค่ะ =^_^=

Photobucket


ตอนนี้ก็รู้สึกว่าเจดดิ้นดุ๊กดิ๊กอยู่ในพุงทุกวันแล้วค่ะ เธอจะคึกหน่อยช่วงบ่ายๆเย็นๆหลังจากอ้อมเลิกงานกลับบ้านมาได้พักผ่อนหน่อยแล้ว แต่บางทีสอนๆอยู่เจดก็ดิ้นให้รู้สึกอยู่เหมือนกัน ดุ๊กดิ๊กๆเหมือนมีปลาว่ายอยู่ในพุงค่ะ ลูกดิ้นทีแม่ก็แฮปปี้นะคะ

ปล. กลัวน้ำหนักขึ้นไม่พอ เพิ่งขึ้นมาได้แค่ 4-5 โลเอง ช่วงนี้เลยโด๊ปด้วยโรตีกล้วย เหอะๆ ไปเจอแผ่นโรตีแช่แข็งในซุปเปอร์มาร์เก็ตเลยลองซื้อมาทอดดู ใส่เนยตอนทอดเยอะหน่อย ออกมากรอบมันอร่อย ขุนตัวเองไม่พอขุนคริสด้วยค่ะ

Photobucket

Friday, January 4

เรื่องเล่าจากซาอุ (ตอนที่ 2): เที่ยวตลาด Batah

รีบมาเขียนก่อนที่จะต้องไปตรวจการบ้านกองพะเนินค่ะ จริงๆไปที่ตลาด(ที่นี่เรียกว่า souk) นี้มาหลายอาทิตย์แล้ว ตลาด Batah อยู่ในตัวเมืองริยาด เป็นตลาดห้องแถวที่ใหญ่มากๆ มีหลายบล็อค ขายสินค้าต่างๆกันไปตั้งแต่สากกะเบือยันเรือรบนั่นแหละ เป็นตลาดขายส่งด้วย น่าจะเหมือนประตูน้ำบ้านเรา

ตอนที่ไปนั่นเดินได้แค่ส่วนเล็กๆของตลาดเท่านั้น ผู้คนมากมายดีค่ะ ส่วนใหญ่คนขายของจะเป็นต่างชาติ ทั้งอินเดีย ปากี บังกลาเทศ มีตลาดฟิลิปปินส์ด้วย แต่ไม่ได้ไป พี่คนไทยที่ได้รู้จักที่นี่เขาบอกว่าแต่ก่อนตลาด Batah นี้คนไทยยึดครองเกือบครึ่ง แต่หลังจากกรณีเพชรซาอุ คนงานไทยน้อยลงมาก ตอนนี้ก็เลยเป็นชาติอื่นๆไปแทน แรงงานหลักก็เป็นฟิลิปปินโนซะส่วนใหญ่ (ไอ้เราก็ดันหน้าเหมือนน้องปิน เดี๋ยววันหลังค่อยเขียนเรื่องนี้) แหม เราเลยอดทานของไทยเลย ของชำไทยๆหาไม่ค่อยได้ค่ะ

ลองดูรูปดีกว่า ไม่ได้ถ่ายมามากเลย เพราะไม่ค่อยอยากพกกล้องไปไหนมาไหน บางที่ห้ามถ่ายรูปด้วย เพราะกลัวไปถ่ายติดหน้าสาวซาอุเข้า

Photobucket
ตลาดห้องแถว มีซอกซอยให้เดินระหว่างตึก


Photobucket
น้องแมวในตรอก


แวะร้านขายเครื่องเทศกับถั่ว (อาบังขายถั่ว อิอิ)

Photobucket
ได้ถั่วมาทานเล่นอร่อยดี ถูกกว่าซื้อในซุปเปอร์มาร์เก็ตมาก


ไม่ได้ซื้ออะไรอย่างอื่นเลยค่ะ คุณภาพของที่ขายไม่ดีเลย ที่น่าซื้อที่สุดก็คงจะเป็นทอง ทองที่นี่ราคาไม่แพง น่าจะใกล้กับบ้านเรา แล้วฝีมือช่างก็ดี งานสวย ไม่ได้ถ่ายรูปตลาดทองมาให้ดูค่ะ ไม่กล้า เหะเหะ ตอนที่อยู่ในร้านทองร้านนึงเจ้าของร้านก็จะไปตีกับแขกอีกคนซะงั้น เลยต้องรีบเดินออกมากลัวโดนลูกหลง

ก่อนออกจากบาตะห์ก็แวะซื้อน้ำอ้อยสดทานค่ะ แก้วละ 2 riyals ก็ประมาณ 20 บาทบ้านเรา ยืนดูเขาทำอยู่ก็ว่าสะอาดดีเลยกล้าทานค่ะ ถ้าไม่ท้องก็คงไม่คิดมากหรอกแต่นี่ท้องอยู่ก็ไม่กล้าเสี่ยงค่ะ หวานเย็นชื่่นใจดี

Photobucket



ออกจากบาตาห์มา ได้ไปแวะซื้อปลาที่ตลาดปลา ตลาดไม่ใหญ่มาก กลิ่นก็นะ ตลบอบอวลตามแบบตลาดปลา ปลาที่นี่สดใช้ได้ ราคาไก็ไม่แพง ได้ปลาทูตัวไม่ใหญ่นักมาโลนึง โลละ 5 riyals เอง กับจาระเม็ดขาวมาสองตัว ซื้อเสร็จเขาจะมีคนมาคอยรอล้างควักไส้ทำความสะอาดให้ค่ะ เสียค่าล้างปลาเพิ่มอีกโลละ 3 riyals ก็โอเค ดีกว่ามาทำเองเพราะทำไม่เป็น ฮ่าๆ แค่ทอดปลาทานในบ้านคริสก็เหม็นจะแย่แล้ว วันนั้นทอดจาระเม็ดทานเลยสองตัว ทำน้ำปลาพริกแกล้มด้วย โอ้ว์ อร่อย เพราะไม่ได้ทานมานานนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนมากๆ

Photobucket


ไปก่อนล่ะค่า วันหลังมาเขียนใหม่ เหลืออีกหลายเรื่องที่อยากเขียนเลย

ปล. สกุลเงินที่นี่เรียกว่า riyal ค่าเงินคงที่ 3.75 riyal = 1 US. dollar อ้อมคิดง่ายๆก็ 1 riyal = 10 บาท

Sunday, December 30

Happy New Year 2008!!

มาแปะส่งความสุขในปีใหม่ที่จะมาถึงไว้ก่อน อยากเขียนเรื่องอื่นๆเหลือเกินแต่ไม่มีเวลาเจ้าค่ะ ตอนนี้เวลาว่างมีเท่าไหร่ขอเอนหลังนอนตุนไว้ก่อน

Photobucket


แตงโมลูกน้อยในท้อง ตอนนี้ขอเรียกว่าน้อง Jade ไปก่อนค่ะ หมอบอกว่าน่าจะเป็นผู้หญิง เดี๋ยวอีกสองอาทิตย์จะไปอัลตราซาวนด์อีกรอบ หวังว่าคงได้เห็นชัดๆล่ะ

Friday, December 14

เรื่องเล่าจากซาอุ (ตอนที่ 1): First Impression

มาแล้วค่า พอมีเวลามาเขียนแล้ว แต่ยังขี้เกียจทำหัวบล็อกใหม่ ชื่อบล็อกนี้ต้องเปลี่ยนจาก Aom's Life in the USA เป็น Aom's Life in the KSA (Kingdom of Sauidi Arabia) แทนล่ะค่ะ

ขอเล่าย้อนไปถึงตั้งแต่เดือนที่แล้วที่บินมาที่นี่ก่อนดีกว่า ตอนนั้นบินจาก Cleveland ตั้งแต่เช้ามารอต่อเครื่องที่ Washington D.C. ตอนเย็น เหนื่อยมากๆเพราะต้องตื่นแต่เช้ามืด กว่าจะได้ขึ้นเครื่องของ Saudi Airlines ตอนเย็นก็สลบเหมือดกันไปทั้งคู่แล้ว เนื่องจากไปเช็คอินเร็วมากก็เลยได้นั่งดูคนที่มาขึ้นเครื่องด้วยกัน สะดุดที่ผู้หญิงซาอุคนนึง ใส่เสื้อคลุมยาวสีดำที่เรียกว่า abaya มาเช็คอิน แต่ไม่ได้ปิดหน้า แต่พอไปรอขึ้นเครื่องที่ gate ก็ปิดหน้าเรียบร้อยเลย ผู้หญิงซาอุคนอื่นที่รอขึ้นเครื่องอยู่ก็เหมือนกัน คลุมหน้าคลุมผมกันทั้งนั้น ทั้งๆที่ยังไม่ได้อยู่ในซาอุเลย ทำให้รู้ว่าเขาเคร่งกันมากๆ ตอนแรกที่เห็นก็รู้สึกอิ้งไปเหมือนกันว่าเขาเคร่งกันขนาดนี้เลยหรือ ความรู้สึกแรกตอนที่เห็นเขาคลุมหน้าคลุมตากันแบบนั้นเนี่ย รู้สึกว่าเขาดูน่ากลัว น่าเกรงขามนิดๆ พูดไม่ถูกเหมือนกัน ถ้าใครเคยเห็นรูปสาวซาอุนุ่งดำปิดหน้าเหลือแต่ตาคงรู้สึกเหมือนกัน

แต่พอตอนขึ้นรถ shuttle bus รอไปขึ้นเครื่อง ได้เห็นเขาไปซักพัก ความรู้สึกก็เปลี่ยนไปค่ะ (แอบ)มองเขาไปซักพักก็รู้สึกว่าเขาสวยกันจัง นึกดูว่าเขาปิดทั้งหน้าเหลือแต่ตาคมๆ แล้วตาเขาสวยกันมากๆ ขนตาดำยาว ยิ่งมองยิ่งรู้สึก intrigued ค่ะ ให้เราปิดหน้าปิดตาแบบนี้คงไม่มีอะไรให้มอง ยิ่งเขาปิดทั้งตัวแบบนี้ยิ่งทำให้รู้สึกว่าน่าดึงดูด น่าค้นหา

แต่อันนั้นก็แค่รูปลักษณ์ภายนอก ที่สังเกตได้อีกอย่างก็คือไฟลท์นั้นเด็กเยอะมากๆ ประมาณว่าใน shuttle bus นี่เกิด trolley jam รถเข็นเด็กติดขัดล้นรถค่ะ ครึ่งนึงของผู้โดยสารเป็นครอบครัวมีลูกเล็กๆกันทั้งนั้น ดูๆแล้วก็น่ารักดี (แต่ตอนนั้นเหนื่อย กลัวเด็กร้องในเครื่องบินแล้วเราไม่ได้นอนมาก ฮ่าๆ ดีที่ไฟลท์คนน้อย ได้นอนแผ่ยึดเก้าอี้ทั้งแถวกันสองคนสบายๆ) เริ่มรู้สึกแล้วว่าเขาดูให้ความสำคัญกับครอบครัว

ตอนก่อนเครื่องลง อ้อมไปยืนรอเข้าห้องน้ำ ก็มีสาวซาอุแม่ลูกอ่อนใจดีชวนให้นั่งรอข้างๆเขาด้วยค่ะ ก็คุยกับเขานิดหน่อย เรื่องลูกเขา พอบอกเขาว่าท้องอยู่เขาก็แสดงความยินดีด้วย ถึงจะคลุมหน้าอย่างนั้นแต่ก็เห็นได้ค่ะว่าเขายิ้มให้เราจริงๆ ก็รู้สึกดีค่ะ เพราะงั้น first impression แรกที่อ้อมมีก็คือ อ้อมกับคริสคิดไว้ไม่ผิด จะคลุมหน้าไม่คลุมหน้า จะนับถือศาสนาอะไรก็คนเหมือนกันทั้งนั้น แถมคนที่นี่ดูมีน้ำใจดีมากๆด้วยค่ะ

พอลงเครื่อง คนขับรถของสถาบันมารับไปส่งที่ที่พัก ได้ดูถนนหนทาง ก็ดูุคล้ายๆกทม. แต่ดูแห้งกว่ากับใหญ่กว่า ไม่หนาแน่นเท่าบ้านเรา ที่สำคัญ อู้ว์ ห้างสรรพสินค้ามากมายจริงๆ ฮ่าๆ ที่เห็นอีกอย่างก็คือ ร้านขายเสื้อผ้าเด็กกับของเล่นเด็กเห็นได้ทั่วไปค่ะ ตอนนั้นชักรู้สึกมั่นใจขึ้นมาอีกนิดว่าทีซาอุนี่ให้ความสำคัญกับเด็กๆและครอบครัวจริงๆ

คราวนี้พูดถึงเรื่อง first impression ที่ดี เดี๋ยว impression ต่อๆมาที่อาจไม่ค่อยจะดีจะค่อยๆตามมาค่ะ ฮ่าๆ อย่างที่บอกไปแล้ว คนเหมือนกันทั้งนั้น

ไม่มีรูปประกอบเรื่องเท่าไหร่ เอารูป landmark สองแห่งหลักของ Riyadh ไปดูละกัน เห็นตัวเมืองไม่ว่าจากมุมไหนก็ต้องเห็นตึกสูงสองตึกนี้ค่ะ

Photo Sharing and Video Hosting at Photobucket


Photo Sharing and Video Hosting at Photobucket


และก็แถมรูปที่ถ่ายกับเพื่อนๆที่นี่ ตอนออกไปทานข้าวเย็นกันที่ Applebee's ฮ่าๆ ชุดดำที่เห็นคือ abaya ผู้หญิงทุกคนต้องใส่เวลาออกจากบ้านค่ะ ส่วนผ้าคลุมศีรษะเรียกว่า hijab สาวซาอุและมุสลิมต้องใส่ ส่วนสาวต่างชาติไม่ต้องคลุมผมก็ได้ (แต่ส่วนใหญ่ก็คลุมกัน) นอกจากนี้สาวซาอุก็ต้องปิดหน้ามิดชิดด้วย niqab ค่ะ

Photo Sharing and Video Hosting at Photobucket


Photo Sharing and Video Hosting at Photobucket
ถนนแถวๆร้านอาหารซึ่งอยู่กลางเมือง

Saturday, December 8

รายงานตัวจากซาอุค่ะ

มาแล้วค่ะ หายไปเดือนกว่าๆ ตอนนี้ชีวิตลงตัวขึ้นมานิดนึง เลยได้โอกาสแว่บมาเขียนบล็อก

มาถึง Riyadh ตั้งแต่วันที่ 8 เดือนที่แล้ว เริ่มสอนตั้งแต่สองอาทิตย์ที่แล้วแต่ไปทำงานตั้งแต่วันที่สองที่มาถึงแล้วค่ะ งานก็ยุ่งดีใช้ได้เพราะต้องสอนอาทิตย์ละ 21 ชม. ก็วันละ 4-5 ชม. อยู่เมืองไทยสอนแค่ 12 ชม.เอง แถมเวลาทำงานที่นี่เริ่มตั้งแต่ 7:30 แต่เลิกงานตอน 13:30 นะ ส่วนคริสนี่หนักเลยสอนอาทิตย์ละ 35 ชม. วันละ 6 ชม. แถมสอนภาคค่ำอีกอาทิตย์ละสองวัน เนื่องจากต้องตื่นเช้า พอกลับถึงบ้านตอนบ่ายๆก็สลบกันทั้งคู่ค่ะ หมดแรงจริงๆ ต้องงีบกันสักชม.สองชม. ตื่นมาหาข้าวเย็นทาน แล้วก็เตรียมสอนก่อนเข้านอน เหนื่อยมากๆ

ตอนนี้ชีวิตยังไม่ลงตัวเท่าไหร่เพราะยังไม่มีรถของตัวเอง กะว่าน่าจะซื้อได้ภายในอาทิตย์หน้า มีรถแล้วก็คงไปไหนมาไหนสะดวกขึ้น ไม่ต้องรบกวนรอคนอื่นเหมือนตอนนี้

เนื่องจากอินเตอร์เน็ตที่บ้านยังไม่ดีเท่าไหร่ค่ะ โหลดรูปไม่ได้เสียที วันนี้เลยยังไม่มีรูปให้ดู จริงๆก็ยังไม่ได้ถ่ายรูปที่ไหนมากเท่าไหร่ เอาไว้มีเวลาเมื่อไหร่จะทำเป็น scoop เรื่องชีวิตและวัฒนธรรมของที่นี่มาให้อ่านเป็นตอนๆไปค่ะ พร้อมกับรูปพุงโย้ๆ อิอิ

Thursday, November 1

เมื่อคนพุงป่องอยากช็อปปิ้ง

เมื่อวันเสาร์ไปโคลัมบัสมา ก็เลยได้โอกาสเข้ามอลล์ใหญ่ไปช็อปปิ้ง คราวนี้ได้ไปกับแนนซี่โดยไม่มีคริสมาเดินทำหน้าเซ็งรอไปรอมาเลยมีความสุขมากๆ แหะแหะ

เนื่องจากว่าช็อปปิ้งคราวนี้มีโจทย์หลายข้อ ทำให้หาซื้อของยากนิดนึง ข้อแรกก็คือ พุงที่มันป่องออกมาเรื่อยๆ (ตอนนี้ติดกระดุมกุงเกงไม่ได้แล้ว ก็เลยไปได้ belly sleeve เป็นแถบผ้ายางยืดเอาไว้รัดกางเกงก็ใช้ดีเหมือนกัน) จริงๆพุงป่องไม่ใช่ปัญหาใหญ่เพราะตอนนี้เทรนด์เสื้อปล่อยชายหลวมๆกำลังมาแรง ดีเหมือนกันที่ซื้อแล้วใส่ได้ตลอด ไม่ต้องซื้อแต่ maternity wear โจทย์ข้อที่สองก็คือ จะไปซาอุอยู่แล้ว จะซื้อเสื้อผ้าก็ต้องดูที่มันปิดมิดชิด ยิ่งถ้าไปทำงานต้องใส่แต่เสื้อแขนยาวกับกระโปรงยาวถึงข้อเท้า เหอๆ เสื้อยังพอว่าแต่กระโปรงนี่จะไปหาที่ไหนได้ในเมกาล่ะ โจทย์ข้อสุดท้าย ตอนนี้ที่นี่มีแต่เสื้อกันหนาวหนาๆขายทั้งนั้น จะไปหาเสื้อใส่ที่ร้อนๆอย่างซาอุก็ยากหน่อย

แต่ถึงกระนั้น นักช็อปตัวจริงอย่างอ้อมก็ไม่พลาด ยิ่งอัดอั้นไม่ได้ช็อปมานานแล้วด้วย ยังไงก็ขอซื้อฮ่ะ ได้มาสามตัว หุหุ สองตัวแรกจากร้าน Forever 21 ตอนที่อยู่ในร้านนี้ คริสโทรมาเช็ค พอบอกว่าอยู่ร้าน Forever 21 คุณคริสอุทาน Oh Geeeezzzzz!! รู้ว่าเสียตังค์แน่ตรู ฮ่ะๆ

Photo Sharing and Video Hosting at Photobucket
ตัวแรกเป็นผ้าลินิน ตัวสั้นไว้ใส่คลุมเสื้อตัวยาวข้างใน แขนคลุมข้อศอก น่าจะใส่ไปทำงานที่ซาอุได้


Photo Sharing and Video Hosting at Photobucket
ตัวนี้เป็นเดรส ยาวคลุมเข่า ดูเหมือนคอลึกแต่ใส่แล้วปิดมิดชิดดี เนื้อผ้าเบาๆใส่สบายมากๆ น่าจะใส่ได้ตลอด ท้องไม่ท้องก็ตาม


สุดท้ายตัวนี้ซื้อมาเพราะมันถูกมากๆ หกเหรียญเอง

Photo Sharing and Video Hosting at Photobucket
เสื้อเชิ้ตสำหรับคนท้องไว้ใส่ไปทำงาน ขนาดเบอร์เล็กสุดยังใหญ่อยู่เลย แต่ผ้าดีมากๆ ผ้าฝ้าย 100% นุ่มดี


ตอนนี้ที่หาก็คือกระโปรงยาว จริงๆที่ Forever 21 มีตัวนึง น่ารักมากๆ แต่ดันบางจ๋อยเลยคงไม่เหมาะ เคยไปลองกระโปรงยาวที่ร้านขายเสื้อคนท้องก็ไม่ไหว ตัวใหญ่มากๆ ขนาดท้องป่องเต็มที่ยังไม่รู้จะใส่ได้รึเปล่าเลย

อ้อ แล้วก็ต้องหาเสื้อตัวยาวๆไว้ใส่ขึ้นเครื่องด้วย จริงๆควรจะซื้อชุดคลุมยาวๆที่เขาเรียกว่า abaya มาไว้ใส่ตอนลงจากเครื่อง กับผ้าคลุมไหล่เอาไว้พันหัวพันคอเรียกว่า hijab แต่ไม่รู้จะสั่งซื้อทันมั้ยเนี่ย