Thursday, July 20

ไป Cincinnati, Ohio/Covington, Kentucky

Tชีพจรลงเท้าอีกแล้วค่ะ เมื่อวันอังคารคริสกับอ้อมไป Cincinnati มา เมืองนี้เป็นเมืองใหญ่(สำหรับที่นี่)อีกเมืองในโอไฮโอ อยู่ทางใต้ติดกับรัฐ Kentucky ขับรถจากบ้านไปประมาณ 4 ชม.ได้ ทริปนี้ไปแค่สองวัน คริสมีประชุมดูแทงค์น้ำวันพุธตอนบ่ายโมง จริงๆจะออกจากบ้านเช้าวันนั้นเลยก็ได้แล้วขับกลับ แต่เนื่องจากว่าเผอิญ Josh ซึ่งเป็นเพื่อนเก่าตั้งแต่สมัยเรียนที่ฮาวายย้ายไปอยู่ที่นั่น ก็เลยตกลงว่าจะไปตั้งแต่เย็นวันอังคาร จะได้ไปสังสรรค์กันหน่อย ไม่ได้เจอกันมาหลายปีแล้ว
ขับผ่านดาวน์ทาวน์ Cincinnati อยู่ติดแม่น้ำเลย
สนามเบสบอลของเมือง ตอนแรกว่าจะมานั่งดูเบสบอลที่นี่กันแล้วก็จิบเบียร์คุยกันไปด้วย แต่อ้อมกับคริสดันเจอรถติดเลยสายไปครึ่งชม. เกมเริ่มไปเรียบร้อยแล้ว ก็เลยไม่ได้ไป

เพื่อนจอชจองห้องที่พักไว้ให้อ้อมกับคริสที่เมือง Covington ในเคนตั้กกี้ ซึ่งก็แค่ข้ามแม่น้ำจาก Cincinnati ไปอีกฝั่งก็ถึงแล้ว ที่ๆไปพักนี่เป็น bed and breakfast (B&B) คือเป็นบ้านคนเอามาทำเป็นโรงแรม จอชบอกว่าอาหารเช้าเด็ดมาก งานนี้จอชเป็นสปอนเซอร์ให้ B&B นี้ชื่อ Amos Shinkle เป็นบ้านเก่าอายุร้อยกว่าปี สวยมากๆ เจ้าของเป็นเกย์ฮ่ะ แก่แล้วด้วย "พาร์ทเนอร์"แกเพิ่งเสียไปเมื่อต้นปีนี่เอง ไปถึงก็แบบ B&B คือขอกุญแจมาไปไขห้องเลย เป็นกันเองดี เสียดายที่ถ่ายรูปมาไม่เยอะ มาถ่ายตอนเช้าหลังเช็คเอาท์แล้วแบบมึนๆ (เดี๋ยวจะบอกว่าทำไม)

หลังจากเก็บของเข้าห้องแล้วก็ออกไปหาอะไรทานและดื่มกันแถวๆนั้นแทนที่จะไปดูเบสบอล เพราะถ้าจะไปดื่มกันที่สนามเบสบอลนี่ คงหมดตัวก่อนมึน(เมา) จอชพาเดินผ่านบ้านเก่าๆทั้งหลายไปผับเยอรมันที่ย่านเที่ยวกลางคืนของที่นั่น ไปถึงก็ขอนั่งข้างในเลย เพราะอากาศร้อนมากๆๆๆ สั่งเบียร์สั่งชิปส์กันมาทาน ที่นี่เบียร์หลากหลายมาก ส่วนใหญ่อิมพอร์ตมาจากยุโรป ราคาก็ไม่ถูกค่ะ

มองออกไปดูบรรยากาศภายนอก มีผับอื่นอีกหลายแห่งอยู่ใกล้ๆกัน เมืองนี้เป็นเมืองคนเยอรมันเก่า อีกสองเดือนก็จะมีงาน Octoberfest ด้วย

บรรยากาศในร้าน รูปมืดหน่อยนะคะ ไม่อยากใช้แฟลช
สรุปว่านั่งกินดื่มคุยเมาท์ความหลังกันกระจายตั้งแต่ทุ่งครึ่งยันเกือบตีหนึ่ง สั่งเบียร์กันไม่รู้กี่รอบ มึน(เมา)มากๆ ความรู้สึกย้อนกลับไปเหมือนสมัยเป็นนักเรียนอีกครั้ง สมัยนั้นอิสระดีแท้ เพื่อนๆที่ฮาวายก็แสนดีปาร์ตี้กันทุกอาทิตย์ สังสรรค์กันหนักมาก (แต่ก็เรียนกันดีๆนะ)

ตื่นเช้ามาได้เรื่องเลย อ้อมท้องเสียและแฮงโอเวอร์ ฮือๆ ท้องไส้ปั่นป่วนมากๆ แถมมึนด้วย กว่าจะตื่นมาอาบน้ำแต่งตัวกันกับคริสก็ปาเข้าไปเก้าโมงเช้าแล้ว สายสุดเลย จอชต้องมาเคาะห้องปลุก ลงมาข้างล่างก็สั่งเบรคฟาสต์มาทาน อย่างหรูค่ะ

เริ่มด้วยน้ำส้ม ผลไม้ ชากาแฟ

coffee cake ที่หวานหอม (แต่อ้อมกระเดือกไม่ค่อยลง)

เบรคฟาสต์ชุดใหญ่

อ้อมสั่ง scrambled eggs, wheat toast, bacon และ goetta (ที่เห็นเป็นแผ่นๆใต้เบคอน รูปข้างล่าง) goetta นี่เป็นอาหารพื้นบ้านของแถบนี้ เขาบอกว่าเป็นอาหารของคนเยอรมันที่อพยพมาสมัยก่อน คล้ายๆไส้กรอกแต่ร่วนๆหน่อย อร่อยดีแต่อ้อมทานไม่ลงจริงๆ อารมณ์ตอนนั้นอยากทานข้าวต้มหมูหยองเบาๆ ไม่ใช่อาหารเช้าหนักๆไขมันจุกอกอย่างนั้น ถ้าฝืนกินเข้าไปคงได้อ๊อกออกมาหมด สรุปกินไปได้ไม่กี่คำ เพื่อนจอชรับไปกินต่อเกือบหมด ซึ่งก็ดีแล้วเพราะเกรงใจคนทำมาก เขารอทำให้เราทานก่อนแล้วเขาก็ทำของตัวเองมานั่งทานด้วย ประมาณว่าเป็นเพื่อนและน้องสาวของเจ้าของบ้าน ไม่ใช่แม่ครัวทั่วๆไป พอทานเสร็จก็ขอไปเข้าห้องน้ำ (รอบที่ห้า) เอนหลังอีกสักนิด เสร็จแล้วก็ร่ำลาจอช เช็คเอาท์ (แค่คืนกุญแจ) อ้อมถ่ายรูปบ้านไปได้หน่อย ที่เห็นในสไลด์ข้างบนน่ะแหละ ออกมาไม่สวยสมใจเลย ตัวโครงสร้างบ้านเขาแกรนด์มากๆ ของตกแต่งก็เป็นแบบของเก่าเพียบ ถ่ายแบบมึนๆได้มาแค่นั้นแหละ

ออกจาก b&b คริสก็ไปประชุม อ้อมนอนหลับรอในรถ ตอนขับรถกลับบ้านก็ดีขึ้นหน่อย แต่โลกกลับมา stable จริงๆอีกครั้งนึงก็ตอนเช้าวันนี้หลังจากกลับมานอนเต็มตื่นที่บ้านเมื่อคืน เข็ดแล้วจ้า ป้าแก่แล้ว สัญญากับตัวเองว่าจะไม่ดื่มเบียร์เกินสองแก้วอีกเด็ดขาด -_-"

Monday, July 17

มะเขือน้อยกลอยใจ

อัพเดทเรื่องพืชผักสวนครัวหน่อย มะเขือเทศเชอรี่ลูกจิ๋วลูกนี้ คือผลผลิตรุ่นแรกที่เก็บได้จากต้นมะเขือเต้ดที่ลงไว้ต้นหน้าร้อน (จริงๆมีสุกแค่สองลูก หิหิ กินไปลูกนึงแล้ว หวานอร่อย) ตอนนี้เติบโตกันดี เป็นพุ่มเบ้อเริ่มเลย แมรี่แอนต้องคอยผูกกับหลักพันธุ์เชอรี่ที่ยังเขียวอยู่ก็หลายพวง ถ้าสุกพร้อมๆกัน คงทานไม่ทัน ไม่รู้แจกใครได้มั้ย เห็นปลูกกันเองทุกบ้าน ต้นนี้ลูกใหญ่ ดอกก็ยังออกอีกเยอะ ไม่รู้จะทานทันได้ไง ต้องกินกันจนแก้มดำ(แดด) กลายเป็นแก้มแดง อิอิ ผักชีที่ลงเมล็ดไว้ งามดีค่ะ วันนี้เด็ดมาใส่ก๋วยเตี๋ยวทานตอนกลางวันไปเรียบร้อย ปลายหน้าร้อนได้ถอนรากถอนโคนเก็บรากผักชีเข้าฟรีซไว้ได้แน่ๆ ผักกาดหอมก็ใช้ได้ ลงเมล็ดแน่นไปหน่อย นี่ตัดมาทำสลัดทานไปแล้วเยอะมาก งอกกลับมาแบบรวดเร็วจริงๆ โหระพาที่โรยเมล็ดไว้เยอะไปอีกเหมือนกัน (ไม่รู้นี่หว่าว่ามันจะงอกทุกต้น) ขนาดถอนทิ้งไปบ้างแล้วยังแน่นขนาดนี้ ไม่รู้มันจะโตได้ขนาดไหน เบียดกันซะ เมนูที่จะต้องทำให้ได้อาทิตย์นี้คือ แกงเนื้อ จะใส่โหระพาให้สะใจ ไม่ต้องกั๊กเหมือนซื้อมาจากร้านไทย มาดูต้นที่ดูไม่ค่อยดีบ้าง sweet basil นี่ออกดอกแล้ว ใบก็เหลืองม้วนเชียว ไม่รู้ทำไม แต่วันนี้เด็ดมาทำกับข้าวแล้ว หอมดี ต้นพริกโคตะระเผ็ดที่สุดในโลก habanero ใบหงิกเหลืองมีจุดน้ำตาลเหมือนกัน คาดว่ารดน้ำเยอะไป ตอนนี้เลยงดให้น้ำ ใบที่งอกออกมาใหม่เขียวดีแล้ว ดอกที่ออกใหม่ก็น่าจะติดลูก (สังเกตดูกิ่งบนๆ ดอกฝ่อร่วงหมด) เพิ่งรู้ตัวว่าเราก็ปลูกพืชผักขึ้นกะเขาเหมือนกัน
:-)

Friday, July 14

Hawaii Trip: Part 6

วันที่แปด: วันนี้วันที่ 30 มิถุนาเป็นวันเกิดคริส (อายุ 38 แล้วค่า) อ้อมไม่มีอะไรจะให้นอกจากการ์ดที่ลักลอบซื้อมาตอนไปออกบูธที่แอครอน (ก็อ้อมขับรถไปไหนมาไหนเองก็ไม่ได้ ไปไหนก็ต้องไปกับคริสตลอด มันจะหาเวลาไปซื้อของขวัญได้ไง) ตื่นมาแฮ้ปปี้เบิร์ธเสร็จก็ต้องเอารถเช่าไปคืน ก่อนคืนก็ต้องเติมน้ำมันกลับให้เต็มถังซะก่อน ไม่งั้นโดนชาร์จแพงหูฉี่แน่นอน ก็เลยไปที่ปั๊มใกล้ๆอพาร์ทเม้นท์เก่าคริส เห็นป้ายร้านนี้ชอบมีข้อความฮาๆ เลยถ่ายรูปมาให้ดูกัน
คืนรถเสร็จก็นั่งรถ shuttle ของบริษัทรถเช่ากลับโรงแรม ไม่รู้ว่ามีบริการนี้นะเนี่ย ไม่งั้นตอนไปเอารถคงไม่ต้องเดินไปให้เหนื่อยเหงื่อแตกพลั่กขนาดนั้น จากนั้นก็หาอะไรทานกันแบบไม่หนักมากเพราะคืนนี้กะไปหาร้านอาหารในโรงแรมริมหาดนั่งดูพระอาทิตย์ตกฉลองวันเกิดคริสกัน ก็เลยไปทานอาหารเวียดนาม สั่งแค่นี้มาแบ่งกันทาน อิ่มแบบเบาๆ สบายพุงจริงๆอ้อมตื่นเช้ามาก็ทานอะไรไปหน่อยนึงแล้วตอนรอคริสตื่น อันนี้คือโพเกที่ซื้อมาตั้งแต่ไป Foodland เป็นปลาทูน่าดิบคลุกซอส ไว้ทานกับข้าว แต่วันนั้นอ้อมดันทานเปล่าๆตอนเช้า (ผลก็คือวันนั้นเข้าห้องน้ำไปสามรอบได้ เพราะซื้อมาหลายวันแล้ว)
ทานข้าวกลางวันเสร็จก็เดินไป The Wall ให้คริสได้ออกไป boogie board ตอนเย็นก็กลับห้องอาบน้ำแต่งตัวไปดินเนอร์ ตอนแรกกะจะไป Duke's ที่เป็นบาร์/ร้านอาหารริมทะเลของโรงแรม Outrigger แต่ไปถึงคนประมาณล้านห้าได้แออัดมากๆ ไม่มีโต๊ะนั่ง ก็เลยต้องไปที่ๆแพงกว่า คือ Banyan Court ของโรงแรม Sheraton Moana Surfrider โรงแรมนี้เป็นโรงแรมเก่า สวยสง่ามากๆ (เสียดายที่ตอนนี้ไวกิกิมันแออัดไปหมด ตัวโรงแรมเลยไม่โดดเด่นเท่าที่ควร) ไปถึงก็พระอาทิตย์ใกล้ตกพอดี แต่รูปข้างล่างนี้อ้อมต้องออกไปถ่ายที่หาด จริงๆ จากหาดก็ไม่เห็นพระอาทิตย์ตกด้วย ทางที่ดีที่สุดในการดูพระอาทิตย์ตกคือออกเรือไปดินเนอร์ แต่แพงมากค่ะ cannot afford อย่างแรง (คิดเหมือนกันว่าจะทำ แต่คิดไปคิดมาเอาเงินไปกินยากินิกุดีๆดีกว่า ก็เลยไปกินที่ Gyu-Kaku แทน บรรยากาศโรแมนตก โรแมนติกอะไรไม่สนค่ะ)
สั่งเครื่องดื่ม สั่งอาหารเสร็จ อ้อมก็อยากทำเซอร์ไพรส์คริสนิดหน่อย ก็เลยทำทีว่าจะไปเข้าห้องน้ำแต่ไปแอบขอบ๋อยว่าให้ช่วยเอาเค้กมาให้หน่อย วันนี้วันเกิดสามี ตอนแรกเขาก็บอกว่า ไม่มีเค้กหรอก เทียนก็ไม่มี ก็เลยหันไปถามบ๋อยอีกคนที่ทำท่าคิดแป๊บนึงแล้วก็บอกว่า เอาเป็นคัพเค้กได้มั้ย อ้อมก็โอเค ยังไงก็ได้ ปรากฏว่าคุณบ๋อยทั้งสองหายไปนานมากจนอ้อมกับคริสทานแซนด์วิชที่สั่งมาเสร็จไปแล้ว อ้อมก็เลยลุกไปตามอีก ถามบ๋อยอีกคนว่าเนี่ยขอไปยังงี้ ยังไม่เห็นมาเลย เขาก็บอก โหย ทำให้ไม่ได้หรอก ปรากฏว่าคุยๆกันอยู่บ๋อยสองคนแรกเดินมาพอดีพร้อมด้วยเค้กบนจานกระเบื้องอย่างสวย คาดว่าเอามาจากห้องอาหาร(โคตรหรู)ในโรงแรม เราก็โอเคเลย ดีใจมากๆ สักพักเขาก็เอาเค้กมาให้คริสที่โต๊ะ แต่ไม่มีร้องเพลงนะ คริสบอกว่าไม่ต้องร้อง คุณบ๋อยก็เป็นผู้ชายต้องรักษาฟอร์มอยู่แล้วก็เลยบอกไม่ร้องหรอก แล้วก็จุดเทียนให้ ไม่รู้อุตส่าห์ไปหาเทียนมาจากไหน พอเช็คบิลมาไม่มีค่าเค้ก อ้อมก็เลยติ๊ปไปหนักมาก พร้อมกับเขียนแต๊งกิ้วที่บิลอีกที คริสบอกเค้กอร่อย เป็นลาวาเค้กแบบตัดแล้วช็อกโกแล็ตข้างในเยิ้มออกมา ไม่ใช่คัพเค้กทั่วๆไปนะจ๊ะ สมกับเป็นโรงแรมห้าดาวจริงๆ


---จบวันที่แปด---

วันที่เก้า: เริ่มเศร้าเพราะใกล้กลับแล้ว แต่ก็คิดได้ว่าให้มาเที่ยวอีกคงไม่มาแล้วล่ะ เพราะพอแล้ว แต่ถ้าให้อ้อมมาอยู่เลยนี่เอานะ ชอบอยู่แต่ไม่ชอบเป็นนักท่องเที่ยวที่นี่ แต่ให้มาอยู่จริงๆคงไม่ไหว ค่าครองชีพสูงมากๆๆๆ มาอยู่ต๊อกต๋อยเป็นครูสอนภาษาอังกฤษกันสองคน คงต้องกัดก้อนเกลือกินไปจนแก่ตาย บ้านก็คงไม่มีปัญญาซื้อ
วันนี้อ้อมขอไป Daiei ซุปเปอร์มาร์เก็ตญี่ปุ่น เพื่อซื้อของกลับบ้านหน่อย ได้ซื้อน้ำสลัดแบบญี่ปุ่น มายองเนสคิวพี และก็เครื่องแกงญี่ปุ่นอีก จริงๆอยากซื้อพวกผักดองด้วย แต่เขาไม่มีเป็นแพ็คสูญญากาศก็เลยอดเลย ซื้อของเสร็จซื้อเบนโตะมาทานที่หาดตอนบ่าย นอนอาบแดดเป็นครั้งสุดท้ายก่อนกลับบ้านนอก

ตอนเย็นจำไม่ได้แล้วว่าทานอะไร ไม่มีรูปแฮะ หรือไม่ได้ทานก็ไม่รู้ แถมรูปไวกิกิตอนกลางคืนหน่อย คึกคักมาก



---จบวันที่เก้า---

วันสุดท้าย: แง้ๆ ต้องกลับแล้ว อ้อมตื่นแต่เช้าก็เลยออกไปเดินเล่นคนเดียวถ่ายรูปหาดบ้าง ดอกไม้บ้าง




ปิดท้ายด้วยรูป Diamond Head จากระยะไกล

เก็บของเช็คเอาท์เสร็จก็เดินหาซื้อกระเป๋าใส่บอร์ดคริสกัน ดีที่ไม่ต้องเดินไกลก็หาเจอเลย ซื้อกระเป๋าเสร็จอ้อมก็แวบไปซื้อซูชิมื้อสุดท้าย (ไม่รู้เมื่อไหร่จะได้ทานอีก สะอื้นๆ) กะตุนไว้ทานบนเครื่อง กลับมานั่งรอรถ shuttle bus ที่โรงแรม มาตรงเวลาดี แล้วก็ไปสนามบิน พอเช็คอินเสร็จก็จะไปที่เทอร์มินัล ต้องผ่านการตรวจเอ็กซ์เรย์ ปรากฏว่าเขาไม่ให้อ้อมเอาเชอรี่ที่อุตส่าห์ซื้อและหอบหิ้วมาจาก Daiei กะเอาไปทานบนเครื่องด้วยเข้าไปในเทอร์มินัล เพราะเป็นผลิตผลทางเกษตร เลยเด้งออกมาใหม่ มานั่งกินให้หมดก่อน ไหนๆก็ไหนๆแล้วเลยกินซูชิที่ซื้อมาด้วยเรียบเลย จุกก่อนขึ้นเครื่องลาแล้วค่า ฮาวาย ไม่รู้เมื่อไหร่จะได้มาอีก แต่ไหนๆคริสก็ทุ่มทุนซื้อบอร์ดมาแล้ว ต้องหาโอกาสไปโต้คลื่นอีกให้ได้ แต่น่าจะเป็นที่อื่นที่ไม่เคยไปแล้วล่ะ :-)

---จบบริบูรณ์---

Thursday, July 13

Hawaii Trip: Part 5

วันที่หก: เช้านี้ขับไปทาง east shore แต่เช้า เพื่อให้คริสได้ออกไป boogie board ที่ทะเล แวะซื้อ malasadas ที่ Leonard's ทานเป็นอาหารเช้าด้วย หิหิ

ไดรฟ์นี้ขับเลียบภูเขา มีจุดให้จอดชมวิวเป็นระยะๆ
หาดที่ไปชื่อ Makapu'u เป็นหาดที่คนนิยมมาเล่น boogie board กันมาก

ทางเดินลงหาดอ้อมหาที่นั่งในร่มนั่ง ได้ใต้ต้นไม้พอดี


คริสเตรียมตัวออกโต้คลื่น
อ้อมก็ลุ้นสุดฤทธิ์ วันนั้นคลื่นสูง 2-4 ฟุต ถือว่าเล็กสำหรับที่นั่นแต่ก็พอโต้ได้ ซึ่งก็ดีแล้ว ถ้าคลื่นสูงมากๆ อ้อมคงเป็นห่วงคริสน่าดู เพราะความฟิตเธอไม่ค่อยมีเหมือนแต่ก่อนแล้ว คลื่นที่นี่เบรคใกล้ฝั่งด้วย อ้อมเลยถ่ายรูปได้ง่ายหน่อย ธงสีแดงที่เห็นคือป้ายเตือนว่าคลื่นแรงเป็นอันตรายได้ เป็นไง คริสเท่ห์มะ
คริสได้โต้คลื่นสักสามสี่ลูกก็กลับ แวะถ่ายรูปตามทางอีกครั้ง

มาแวะซื้อซูชิใส่กล่องกลับมาทานที่ห้อง มีความสุขกับการกินจริงๆ ทริปนี้ =^_^=
ตอนเย็นไป Ward Center เดินดูของช็อปปิ้งนิดหน่อยที่ Nordstrom Rack อ้อมซื้อเสื้อยืดเรียบๆมาตัวละ $7 มาตัวนึง แล้วไปทานข้าวเย็นที่ร้านชื่ออะไรไม่รู้จำไม่ได้แล้ว อ้อมทานซี่โครงหมูเปรี้ยวหวานใส่สับปะรด อร่อยมากกกกกกกกกก (ถ้าอ่านมาตลอด คงรู้ว่าอ้อมก็อร่อยทุกมื้อน่ะแหละ) คริสทานแซนด์วิช ทานเสร็จต่อมฟันหวาน (sweet tooth)คริสเริ่มทำงาน อยากหาไอติมทาน จะไปร้าน Ben & Jerry's ก็ปิดไปซะแล้ว สรุปเลยขับรถไปที่ Bubbies อีกรอบ ร้านนี้เปิดถึงตีหนึ่ง คราวนี้สั่ง Maybe the Bag Broke อร๊ายยยยยยยย ชื่อเสียวมั้ย เป็นไอติมชีสเค้กราดบลูเบอรี่ซอส

ทานกันเสร็จก็จุกล่ะค่ะ กลับโรงแรมนอนดีกว่า

---จบวันที่หก---

วันที่เจ็ด: จริงๆต้องคืนรถเช่าวันนี้แต่เปลี่ยนใจ เพราะไม่อยากอยู่แต่ในไวกิกิหรือนั่งรถเมล์ไปไหนมาไหน ก็เลยเช่าต่ออีกวัน เช้าก็ขับไปไชน่าทาวน์ จุดประสงค์คือไปทานของดีราคาถูก อ้อมอยากไปดูของชำด้วย เผื่อเห็นอะไรที่โอไฮโอไม่มีจะได้ซื้อกลับมาบ้าน ไชน่าทาวน์ของฮอนโนลูลูอยู่ติดกับดาวน์ทาวน์ แต่ก่อนค่อนข้างเสื่อมโทรม แต่ตอนนี้ดูสะอาดสะอ้านขึ้นเยอะ พวกค้ายาก็ไม่ค่อยมีเหมือนแต่ก่อนแล้ว แต่ถ้ามาตอนบ่ายๆช่วงตลาดวายแล้วก็ไม่แน่

จอดรถเสร็จอ้อมก็งงๆ คือลืมไปแล้วว่าอะไรอยู่ตรงไหน เดินหาร้านไทยที่เคยไปประจำไม่เจอ ก็เลยไม่ได้ซื้ออะไร คือจริงๆเห็นกับข้าวแล้วมันอยากซื้อไปหมด ทั้งผักผลไม้ของแห้งของสด หันมาถามคริสว่าทำไมที่ Dover, Ohio บ้านเราไม่มีไชน่าทาวน์แบบนี้บ้าง คริสบอก โถ แค่ดาวน์ทาวน์ Dover ยังมีแค่บล็อคเดียวเล็กกว่าเสี้ยวนึงของไชน่าทาวน์ที่นี่อีก มันจะไปมีได้ยังไง อ้อมเลยบอกว่าย้ายกลับมาอยู่ที่ฮาวายเถอะ จะมีความสุขมากๆเลย ได้แต่ในฝันน่ะสิ สรุปไม่ได้ซื้ออะไร ไปหาข้าวทานที่ฟู้ดคอร์ทดีกว่า ร้านประจำชื่อร้านมาลี สั่งเส้นเล็กแห้งหมูยำ จานเท่าจานเปล แต่ทานหมดฮ่ะ ส่วนคริสทานป่อเปี๊ยะทอด

(เพิ่มเติม) เขียนเสร็จไปแล้วลืม ขอเพิ่มหน่อย ไหนๆก็ทำรูปไว้แล้ว อ้อมกับคริสซื้อชาเย็นทานด้วยค่ะ ระหว่างเดินเล่น

นั่งทานอยู่ก็เหลียวซ้ายแลขวา หูยพี่ๆคนไทยรายรอบทั้งนั้น โต๊ะซ้ายทานยำแหนมสด กับส้มตำ โต๊ะขวาทานสาคูไส้หมู นั่งน้ำลายหยดแหมะๆอยู่ในใจ จะสั่งมาใส่กล่องเผื่อไปทานที่ทะเลก็คงไม่ไหว เพราะคริสไม่ทานด้วย เลยอดไป เศร้าค่ะ เศร้า

จากไชน่าทาวน์ก็ขับไป North Shore อ้อมอยากลงน้ำทะเล แบบคนไม่เยอะ คลื่นไม่แรง จะได้ลงพร้อมกับคริสได้ กะจะสวีทซักหน่อย

ทางขับไป North Shore ใกล้จะถึงจะลงเนิน ถ้าเป็นหน้าหนาวคลื่นแรงๆ จะเห็นคลื่นขาวๆ


ไปที่หาด Pipeline พยากรณ์อากาศบอกว่าคลื่นไม่มี (flat)แต่ไปถึงดันมีคลื่น ลูกไม่ไหญ่เท่าไหร่ แต่กระแสน้ำที่นี่แรง

สรุปอ้อมลงกับคริสได้จิ๊ดนึง โดนคลื่นซัดไปสองสามลูก ก็ปอดแหกร้องขึ้นฝั่งเลยค่ะ อ้อมว่ายน้ำเป็นแต่ต้องเป็นที่ๆยืนถึง งงมั้ย คืออ้อมลอยตัวได้แต่ไม่มีความมั่นใจ น้ำท่วมหัวเมื่อไหร่เกิดอาการแพนิค ก็เลยไม่ได้เล่นน้ำกับคริส ปล่อยคริสเขาว่ายไป จริงๆอยากไปที่ Waimea Bay ขับรถผ่านดูน้ำเรียบใสเป็นกระจก แต่ไม่มีที่จอดรถเลยอดเลย

กลับถึงโรงแรมรีบอาบน้ำแต่งตัวไปทานเนื้อย่างญี่ปุ่นที่ Gyu-Kaku จองโต๊ะไว้แล้ว ถ้าไปทันช่วง happy hour ของเขาจะได้ลดครึ่งนึง มื้อนี้กะกินกันเต็มที่ (เอ ที่ผ่านมายังไม่เต็มที่อีกเหรอ) เพราะถือเป็นการฉลองวันเกิดคริสล่วงหน้าด้วย ร้านนี้ออกวัยรุ่นๆหน่อย นั่งเป็นบูธ เด็กเสริฟหน้าตาน่ารักฮ่ะ เป็นหนุ่มญี่ปุ่นสูงชะลูดทำผมตั้ง เสียดายไม่กล้าถายรูปมาให้ดู กลัวคริสงอนอร่อยค่ะ อร่อย เนื้อนุ่มมากๆ เสียดายที่ไม่ใช่ร้านยากินิกุของเกาหลีแท้ที่เสริฟพวกเครื่องเคียงเยอะๆด้วย แต่แค่นี้ก็เปรมแล้ว เนื้อนุ่มดี ซอสหมักก็อร่อย มื้อนี้ถูกใจคนชอบกินเนื้ออย่างอ้อมมากๆ คริสก็ชอบด้วยเหมือนกัน ทานเสร็จเดินกลับที่รถที่จอดอยู่ที่ Ala Moana Center อ้อมขอไปเดินดูของอีกซักหน่อย เข้าร้าน Sephora ได้ลองแป้งรองพื้นของ I.D. Bare Minerals สมใจ สรุปเลยซื้อเซ็ตทดลองมา มีแป้งและแปรงครบชุด มีดีวีดีสาธิตวิธีใช้ด้วย (จนป่านนี้ยังไม่ได้แกะกล่องเลย ไม่รู้เมื่อไหร่ได้ใช้ ^_^") แล้วก็ไป Longs Drug Store เพื่อซื้อของฝากพวกกาแฟและช็อกโกแล็ตกลับบ้าน ถูกกว่าซื้อที่ร้าน ABC Store แถวไวกิกิเยอะ ทั้งๆที่ของแบบเดียวกัน

---จบวันที่เจ็ด---