Thursday, May 18

ไม่รู้คนหรือหมาที่ต๊อง

[ดูหน้าอ้อมสิโทรมมากๆ เอารูปเล็กไปดูก็แล้วกันนะคะ]
ตอนนี้แมดดี้ปรับตัวได้ดีมากๆ กลางคืนก็ไม่ร้อง แต่มีปัญหาเวลาพาออกไปเข้าห้องน้ำนิดหน่อย คือเธอไม่ยอมอึ๊ทันที ชิ้งฉ่องเนี่ยไม่มีปัญหาเท่าไหร่ มีที่ประจำแล้ว แต่ถ้าจะให้อึ๊ไวๆเนี่ยต้องให้วิ่งไปวิ่งมา ไอ้จะปล่อยให้วิ่งปุเลงๆไปเรื่อยๆก็ไม่ได้ ต้องฝึกให้ชินกับสายจูง ก็เลยเป็นที่มาของคลิปนี้ค่ะ คริสถ่ายไปก็ขำไป แมดดี้ก็เป็นลูกหมาคึก แม่มัน(อ้อมเอง)ก็ต๊อง ฮ่าๆ


[แก้สายจูงก่อน เสร็จแล้วก็กลายเป็น puppy gone wild ค่ะ อ้อมวิ่งตามแบบแม่ที่ดี สปอยล์สุดๆ แต่ได้ผล หลังจากวิ่งรอบสนาม แมดดี้ก็อึ๊กองโต]

อาหารที่อยากทานวันนี้: ข้าวขาหมู เนื้อล้วนกับไส้ เพิ่มไข่ต้มอีกหนึ่งฟอง ราดน้ำไม่ต้องเยอะมาก แต่หนักผักดองกับพริกน้ำส้ม

Tuesday, May 16

Maddie's First Ride

ช่วงนี้ชีวิตวนเวียนอยู่แต่กับแมดดี้ค่ะ ไปไหนไม่รอด เหนื่อยมากๆ เพราะนอนไม่เต็มตา หวังว่าแมดดี้จะอั้นตอนกลางคืนเป็นเร็วๆ จะได้ไม่ต้องลุกพาเข้าห้องน้ำ

เมื่อวานคริสต้องไปทำธุระที่คลีฟแลนด์ ก็เลยพาแมดดี้นั่งรถเที่ยวเป็นครั้งแรก ปรากฏว่าแรกๆแมดดี้สั่นเป็นเจ้าเข้าเลย ร้องงึดๆแง้วๆอยู่ประมาณ 45 นาทีได้ อ้อมเอานั่งตักก็ยังไม่เงียบ ดูตื่นๆกับกระจกรถมากๆ (ตอนนี้กระจกรถเต็มไปด้วยรอยจมูกและน้ำลายแมดดี้) แต่หลังจากร้องจนเหนื่อย เธอก็หลับไปค่ะ หลับอยู่เบาะหลังบ้าง มาหลับที่ตักอ้อมบ้าง(น่ารักที่สุด) ถ้าไม่หลับก็ทำหน้าตาบ้องแบ๊วแบบนี้ เห็นแล้วมันเขี้ยวมั้ย

อ้อมปูทั้งผ้าทั้งหนังสือพิมพ์ไว้เบาะหลังอย่างดี เผื่อเกิดแอคซิเดนท์ แต่ไม่เลย แมดดี้อั้นตลอดทาง มีลงไปชิ้งฉ่องครั้งนึงตอนอ้อมกับคริสแวะที่แมคโดนัลด์ พอกลับถึงบ้านปุ๊บก็ปลดปล่อยทันที เก่งมากๆ คงเป็นเพราะไม่ได้ให้ทานข้าวกลางวันก่อนขึ้นรถด้วย แอบทรมาณหมานิดนึง เพื่อเราจะได้ไม่ทรมาณตามเช็ดทีหลัง แต่ระหว่างทางให้บิสกิตมันทานนะ

[หมาก็โงกหลับได้ค่ะ]

ตบท้ายด้วยข้าวผัดไก่กับป่อเปี๊ยะที่เพิ่งทำทานวันนี้ ดูเป็นอาหารเด็กไปหน่อย แต่อร่อยนะ ป่อเปี๊ยะชิ้นยักษ์มาก หน้าตาอาจไม่งามเท่าไหร่ แต่ไส้หมูเป็นหมู ผักเป็นผัก ไม่เหมือนกับที่ไปทานที่ร้าน แพงก็แพงมีแต่แป้ง ปอเปี๊ยะทอดที่นี่ขายชิ้นละ $1-2 ค่ะ ทำกินเองสะใจดี

อ๊ะ อ๊ะ ยังก่อน ยั่วน้ำลายผู้อ่านอีกนิดด้วยชีสเค้กของแมรี่แอน ดีที่ทานคราวนี้แมรี่แอนทำแค่ก้อนเดียว ตอนนี้หมดไปแล้ว ไม่งั้นทานทุกคืนแน่ๆ

อาหารที่อยากทานวันนี้: ต้มเลือดหมู ในซอยสามัคคี ใส่ตับ ไส้อ่อนด้วย เติมพริกน้ำส้มนิด พริกป่นหน่อย โอยยยยยยยยยย

Monday, May 15

เหนื่อยค่ะ

มีหลายเรื่องที่อยากพูดถึง ไล่ไปที่ละเรื่องละกันนะคะ

แมดดี้: คืนที่สองกับที่สามที่ผ่านมา แมดดี้ทำตัวดีมาก ไม่ร้องเลยซักแอะ คงเป็นเพราะ หนึ่ง เหนื่อย ก่อนนอนให้วิ่งเล่นนานมาก พอง่วงค่อยจับเข้ากรง สอง อ้อมหัวใสยกกรงแมดดี้มาตั้งบนกล่องข้างเตียง เวลาอ้อมกับคริสนอน แมดดี้จะได้เห็นอ้อมกับคริสจะได้ไม่รู้สึกว่าอยู่คนเดียว ส่วนการพาออกมาเข้าห้องน้ำตอนกลางคืนก็สองครั้ง แต่ต้องรอนานหน่อยกว่าจะเธอจะปล่อยของเสียออกมาได้ อ้อมลุกคนเดียวค่ะ กรงแมดดี้อยู่ด้านอ้อมนอน ตื่นตลอด ส่วนคริส อ้อมก็สงสารปล่อยให้หลับไป สบายเฉิบ อ้อมเหนื่อย และนอนไม่เต็มที่มาสามคืนติดแล้ว ทั้งเล่นกับแมดดี้ด้วย คาดว่าน้ำหนักคงลดลงในไม่ช้า(อันนี้ดี)

วันแม่: วันอาทิตย์ที่ผ่านมาเป็นวันแม่ของที่นี่ แมรี่แอนทำกับข้าวอร่อยเหมือนเดิม เย็นวันเสาร์ทาน beef enchilladas วันอาทิตย์ทาน corn beef ตบท้ายด้วย cheesecake ไม่มีรูปอีกแล้ว กินอย่างเดียวค่ะ อืม น้ำหนักคงไม่ลงง่ายๆหรอกแฮะ ยังมีชีสเค้กเหลืออยู่ ส่วนของขวัญวันแม่ อ้อมกับคริสซื้อจานชามให้แมรี่แอนชุดนึง เสริมให้เข้ากับชุดที่มีอยู่แล้ว

บ้านในฝัน: เมื่อวานมีนัดกับคนที่จะวาดแปลนบ้านให้ นั่งคุยกับเขาอยู่เกือบสองชั่วโมง บอกไปว่าเราอยากได้บ้านแบบไหน กี่ห้องนอน กี่ห้องน้ำ อะไรอย่างนี้ คุยไปได้สักพัก เขาก็บอกว่า เขาคิดราคาเขียนแบบ $1.5 ต่อตารางฟุตของตัวบ้าน อ้อมกับคริสอยากได้บ้านขนาด 3,100 ตารางฟุต ก็เท่ากับ $4,650 (คิดเป็นเงินไทยก็คูณ 38 นะคะ เกือบสองแสน) เหวอเลยคราวนี้ คนนี้เนี่ยเพื่อนสนิทคริสแนะนำมา เขาบอกว่าน่าจะประมาณพันเหรียญ อ้อมก็กะไว้ว่าอย่างมากก็ไม่น่าจะเกินสองพัน แต่เขาก็บอกว่าเขาไม่ใช่แค่วาดแปลนให้อย่างเดียว เขาดูเรื่อง engineering ให้ด้วย พร้อมกับให้คำปรึกษาตลอดการก่อสร้าง มาดูงานที่ไซต์อาทิตย์ละครั้ง ไม่ใช่ว่าวาดเสร็จส่งแปลนให้แล้วจบกัน ฟังดูก็ดี เพราะถ้าจะสร้างให้อยู่ในงบที่มี อ้อมกับคริสต้องเป็นผู้รับเหมา (general contractor or GC) หาผู้รับเหมารายย่อย (sub contractor or sub) มาทำเอง สรุปก็เลยบอกเขาว่าขอคิดดูก่อน กับขอ references ลูกค้าเก่าๆที่เขาเคยวาดแปลนให้ แล้วค่อยนัดไปดูบ้านที่เขาวาดแปลนอีกที

จริงๆเรื่องสร้างบ้านยังมีมากกว่านี้ คือจะสร้างหรือไม่สร้างดี แต่เดี๋ยววันหลังค่อยมาเล่า(กึ่งบ่น)ให้ฟัง เอาคลิป Maddie at Play ไปดูก่อนละกัน



Saturday, May 13

แมดดี้นะแมดดี้

เมื่อคืนอ้อมกับคริสเอาแมดดี้ใส่กรงขึ้นไปนอนในห้องด้วย เพราะทิ้งไว้ข้างล่างตัวเดียวคงไม่ได้ ผลจากการจากพี่ๆน้องๆเป็นครั้งแรกก็คือ แมดดี้ร้องโหยหวนทั้งคืนค่ะ อ้อมกับคริสตื่นตอนตีหนึ่งครึ่งลงมาพาแมดดี้ไปชิ้งฉ่องกับพูพูหนึ่งรอบ หลังจากนั้นก็จับเธอใส่กรงไว้ ได้เรื่องเลย เริ่มจากร้องกระซิกกระซิกกลายเป็นเริ่มร้องแบบเสียงห้าว สุดท้ายถึงขั้นเห่าแบบโกรธมาก ทั้งกระโดดทั้งเดินชนกรง วุ่นวายไปหมด แล้วก็ไม่หยุดด้วย อ้อมกับคริสก็ใจอ่อน(คือทนไม่ไหว เสียงลูกหมาเห่าแหลมนี่แยงหูมากๆๆๆ)เอาคุณเธอออกมาข้างนอกกรงแป๊บนึง พอใส่เข้ากรงไปใหม่ก็อีหรอบเดิม คงเป็นเพราะว่าแมดดี้มองไม่เห็นใครเวลาอ้อมกับคริสขึ้นไปนอนบนเตียงแล้ว สุดท้ายคริสต้องลงมานอนหน้ากรงเป็นเพื่อนแมดดี้ จนมันเงียบหลับไป คริสกลับขึ้นมานอนบนเตียงเหมือนเดิม พอซักตีสามครึ่งตื่นอีกรอบ อ้อมก็ซวยดันเป็นคนหูไว ตื่นง่าย ด้วยความกังวลอยู่แล้วว่ามันจะอึ๊หรือฉี่เปื้อนกรงรึเปล่า พอเห็นมันตื่นก็ต้องพาออกไปข้างนอกให้มันทำธุระทั้งหนักทั้งเบาให้เสร็จก่อน แล้วก็ปล่อยให้วิ่งเล่นอีกหน่อยให้เหนื่อยจะได้หลับได้ กว่าจะกลับขึ้นไปนอนก็ตีสี่ครึ่ง อ้อมต้องลงมานอนหน้ากรงด้วยค่ะ ไม่งั้นเธอร้องอีก ก็หลับๆตื่นไปจนหกโมงครึ่ง แมดดี้ตื่นอีกแล้ว ก็ต้องพาออกไปอึ๊อีก แล้วก็เลยตื่นเลย ให้ข้าวเช้าเล่นกับมันนิดหน่อย ดูท่ามันเหนื่อยแล้ว ก็จับไปใส่กรงในห้องนอนข้างบนเลย เหนื่อยค่ะ พอสักแปดโมงครึ่งคริสก็ตื่นเอาแมดดี้ออกไปข้างนอกอีก ที่น่าเจ็บใจก็คือ คริสไม่รู้เลยว่าอ้อมตื่นมาสองรอบแล้ว หลับได้หลับดีน่าอิจฉาจริงๆ

วันนี้เลยหมดแรงค่ะ ส่วนใหญ่ปล่อยให้แมรี่แอนช่วยพามันออกไปข้างนอก ไม่รู้คืนนี้จะเป็นยังไง หวังว่าคงดีขึ้น


ดูวิดีโอคลิปละกันนะคะ ถึงแมดดี้จะทำให้เหนื่อยแต่แมดดี้ก็น่ารักนะ (ในคลิป รู้สึกตัวเองปัญญาอ่อนไปหน่อย พูดซ้ำๆกันอยู่ได้ คราวหน้าจะเขียนสคริปต์ก่อนถ่าย ฮ่าๆ ว่าแต่ว่าพูดกับหมานี่พูดอะไรได้อีกหว่า)

Friday, May 12

Puppies (again)

ลอรี่เอาลูกหมามาที่บ้านอีกแล้ว เมื่อสองวันก่อน ตัวผู้ทั้งคู่ ชื่อ Kaz กับ Moogie ตัวแรกจะไปอยู่ที่นิวยอร์ค อีกตัวไปโคโลราโดคืนนี้

ตอนนี้มันเริ่มโตขึ้นแล้ว แยกออกว่าตัวไหนเป็นตัวไหนง่ายขึ้น นี่ Kaz กินบิสกิตอยู่ ตอนกินเป็นเวลาเดียวที่ถ่ายรูปได้ง่าย นี่ Moogie เป็นหนุ่มหล่อ ขายาว dark and tall ครับ

ส่วน Kaz ขนสีอ่อนกว่า ถุงเท้าไม่ดำเท่า

แต่ตัวนี้คือลูกสาวของอ้อมกับคริสค่า Madeleine เรียกสั้นๆว่า Maddie วันนี้มาอยู่บ้านนี้เป็นวันแรกแล้ว อ้อมเพิ่งไปโกยพูปปี้ในโรงรถมา อึ๊ยส์ ต้องรีบฝึกให้มันเข้าห้องน้ำเป็นเร็วๆ กลิ่นอึ๊หมาสดๆนี่เหลือรับค่ะ คืนนี้แมดดี้จะต้องแยกจากพี่ๆน้องๆเป็นครั้งแรก อ้อมต้องเอาใส่กรงไปนอนในห้องด้วย ไม่รู้จะร้องขนาดไหน

ป.ล. เมื่อวานไปเดินมอลล์คนเดียวสี่ชั่วโมง ให้คริสไปหย่อนไว้ตอนไปทำงาน มีความสุขมากๆ ตอนแรกว่าจะไม่ซื้ออะไร แต่อดไม่ไหว ว่าจะซื้อกางเกงขาสั้นรับซัมเมอร์ แต่พอดูขา(หมู)ของตัวเองในกระจกแล้วเปลี่ยนใจ ซื้อกางเกงขายาวจากร้าน Express แทน ตกหลุมคนขาย เชียร์กันเหลือเกิน ให้ลองนู่นลองนี่เต็มไปหมด พอดีมันลด $10 ด้วย แต่ต้องซื้อเกิน $50 ทายซิกางเกงราคาเท่าไหร่ ...... $49.50 ก็เลยต้องหาซื้อเพิ่มอีกอย่าง ได้เสื้อมาตัวนึง สรุปถึงลดแล้วก็ยังหกสิบกว่าเหรียญ ถึงบอกว่าตกหลุมคนขายไง

อาหารที่อยากทานวันนี้: ไข่พะโล้ที่พ่อทำ พ่อไม่ใส่เครื่องพะโล้เลย ใส่แค่รากผักชี กระเทียม พริกไทย แต่มันฮ้อมหอม ราดข้าวทานแนมกับพริกขี้หนูสด ว่าจะลองทำเองบ้างแต่ยังหารากผักชีที่นี่ไม่ได้เลย

Wednesday, May 10

สัมภาษณ์กรีนการ์ด

เมื่อวานไปสัมภาษณ์กรีนการ์ดที่คลีฟแลนด์มา (กรีนการ์ดคือบัตรที่ใช้แสดงสถานะ Permanent Residence สิทธิ์ในการอยู่อาศัยอย่างถาวรที่นี่ คือสามารถทำงานได้ เข้าออกประเทศได้เหมือนพลเมืองอเมริกันทั่วๆไป แต่เลือกตั้งไม่ได้) ตื่นแต่เช้ามืดเลยเพราะนัด 8 โมง เจ้าหน้าที่ที่สัมภาษณ์เขี้ยวมากๆ ซักถามอยู่ 45 นาทีได้ (ของคนอื่นที่เคยรู้มาแค่สิบนาทีเอง) ที่นานหน่อยก็คือเรื่องวีซ่าเข้าอเมริกาที่อ้อมเคยได้มาแล้ว (มาอเมริกาสามรอบ ได้วีซ่าไม่ซ้ำกันซักครั้ง ได้วีซ่า J-F-K ไล่มาตามลำดับ) ที่เป็นปัญหาคือวีซ่า J-1 ตัวแรกที่ได้ตอนไปฮาวาย เป็นวีซ่านักเรียนแลกเปลี่ยนที่มีข้อแม้ว่าอ้อมต้องกลับมาอยู่เมืองไทยก่อนอย่างน้อยสองปีก่อนจะขอ Permanent Residence ได้ อ้อมอยู่ที่เมืองไทยเกินสองปีอยู่แล้วล่ะ แต่ปัญหาก็คือไม่มีหลักฐานว่าอยู่เมืองไทยจริงรึเปล่า จริงๆอ้อมว่าเจ้าหน้าที่ดูที่พาสปอร์ตก็น่าจะรู้แล้ว เพราะไม่มีสแตมป์ออกนอกประเทศเลยนอกจากที่ไป Amsterdam มาห้าวัน แต่ไงก็ไม่รู้แหละหลังจากสัมภาษณ์เสร็จแล้ว เจ้าหน้าที่ก็บอกว่าอ้อมต้องส่งเอกสารเพิ่มเพื่อยืยยันว่าอยู่เมืองไทยจริงๆ เฮ้อ เซ็งเลย ต้องรอไปอีก สรุปต้องขอจดหมายรับรองารทำงานจากที่เมืองไทยแล้วก็ส่งให้เขา แล้วเขาถึงจะส่งกรีนการ์ดมาให้ กว่าจะได้ก็อีกอย่างน้อยสองสามเดือน แต่ไม่เป็นไรยังไม่ได้ใช้อยู่ดี ถ้าจะออกนอกประเทศก็มีใบอนุญาติอยู่แล้ว (เรียกว่า Advance Parole) เผื่อจะได้ไปแคนาดา ตอนที่อยู่นิวยอร์ค (คริสต้องไปคุมงานที่จ๊อบใหม่ที่นั่น)

(เพิ่มเติม)อาหารที่อยากทานวันนี้: ก๋วยเตี๋ยวเกี๊ยวปลาข้างแบงค์กรุงเทพในซอยสามัคคี ร้านนี้ทำเกี๊ยวปลาของโปรดอร่อยมาก เส้นเล็กแห้งยำพิเศษเพิ่มเกี๊ยวปลา ตบท้ายด้วยเกาเหลาต้มยำอีกซักชาม

Monday, May 8

สุดสัปดาห์กับราคาบ้านในฝัน

วันศุกร์: ทำมาม่าทานตอนกลางวัน เห็นซีดๆอย่างนี้ จริงๆรสโป๊ะแตกนะ แต่อ้อมว่ากลิ่นมันยังไงก็ไม่รู้ รสต้มยำกุ้งอร่อยกว่า

ตอนเย็นไปทานข้าวกับคริสที่ร้านเม็กซิกันร้านเดิมอีกแล้ว ก่อนไปเหมียวเหมียวมาอ้อนให้เกาคอ เลยถ่ายรูปซะหน่อย ระหว่างคนกับแมว ใครพองกว่ากัน สังเกตขนาดแขนอ้อมนะคะ ทานข้าวเย็นเสร็จ ต่อด้วยไอศครีมโฮมเมดแถวบ้าน ร้านเล็กๆ เด็กทานได้ผู้ใหญ่ทาน(อ้วน)ดี

แต่น แตน แต๊น อย่านึกว่าเป็นคบไฟของเทพีเสรีภาพนะคะ นี่คือ twist ice cream (ครึ่งช็อกโกแล็ตครึ่งวานิลลา) dipped in chocolate (เคลือบช็อคโกแล็ต) อร่อยมากๆๆ ไอติมหวานมัน ช็อกโกแล็ตที่เคลือบก็เป็นการเสริมเท็กซ์เจอร์ เคี้ยวหนึบๆดี (อ้อมชอบเคี้ยวไม่ชอบเลียไอติม) ไม่หวานจัดด้วย ดีนะที่สั่งแค่โคนเล็ก คราวหน้าจะสั่งซันเดย์ อุตส่าห์ทานน้อยที่ร้านเม็กซิกัน มาเจอไอติมเข้าไปเสริมทัพรับความอ้วนค่ะ

ทานไอติมเสร็จ ก็มาขับรถวนๆแถวบ้านดูบ้านที่บอกขายอยู่ จริงๆชอบอยู่หลังนึง แต่มันเล็กไปหน่อย ถึงจะตกลงกับคริสได้แล้วว่าจะปลูกหลังใหม่ที่ข้างๆพ่อแม่คริส แต่อ้อมก็ยังไม่วายอยากได้บ้านที่สร้างเสร็จแล้วที่อื่นอยู่ดี เดี๋ยวจะบอกว่าทำไม

วิวแถวๆนี้ค่ะ ทุ่ง ทุ่ง ทุ่ง และ เนิน เนิน เนิน

วันเสาร์: มีนัดกับ Schumacher Homes เรื่องบ้าน จะลองให้เขาโคตราคาบ้านแปลนที่อยากสร้าง โดยที่ใส่ options ทุกอย่างที่เราอยากได้ อันนี้เป็นบริการฟรีของเขาอยู่แล้ว สะดวกดี เราไปนั่งเลือกๆในคอมพิวเตอร์กับเซลส์ว่าอยากได้อะไรแบบไหน ตั้งแต่ฐานราก ไปจนถึงเลือกก๊อกน้ำ โคมไฟ อันไหนเป็นอัพเกรด ก็คิดราคาเพิ่มไป หลังจากเกือบสองชั่วโมงผ่านไป ก็ได้บ้านในฝันของอ้อมกับคริสมาในราคา $252,795 ยังไม่รวมระบบทำความร้อนความเย็นที่อยากได้ -_-" เอิ๊กส์ ถึงจะไม่ต้องซื้อที่เองแต่ถ้าปลูกบ้านราคาเท่านี้รวมราคาที่เข้าไปด้วย ก็ประมาณเกือบสามแสนเหรียญ ไม่มีทางเลยที่ปลูกเสร็จแล้วบ้านจะ appraised ได้ราคานั้นในแถบนี้ อ้อมว่ามันไม่น่าจะคุ้ม บ้านใหญ่ประมาณ 3,000 ตารางฟุต ค่าก่อสร้างตกประมาณ $81-82 ต่อตารางฟุตของบ้าน ให้ผู้รับเหมาอื่นสร้างอาจจะถูกกว่า ถ้าลดลงเหลือซัก $65-70 ได้ก็ดี คงพอไหว งบประมาณ $200,000 ผ่อนสบายหน่อย แต่อ้อมคิดไปคิดมาถ้าจะต้องจ่ายอย่างน้อยสองแสนเหรียญอยู่แล้ว ไปหาบ้านเก่าที่ไม่เก่ามากก็ได้ แถวๆนี้ก็มีบ้านดีๆน่าสนใจอยู่เหมือน แต่พอคริสดูบ้านเก่าหลังอื่นทีไรก็จะบอกว่าไม่ดี แหงล่ะ ไม่ได้เลือกเองนี่หว่า มันก็ไม่ถูกใจทุกอย่างหรอก อ้อมว่าสร้างเองมันก็ดี ได้ทุกอย่างดังใจ(ภายในงบประมาณ) แต่ค่าก่อสร้างมันแพงเหลือเกิน ไม่รู้จะคุ้มเหนื่อย และคุ้มเงินมั้ย ก็ต้องดูกันต่อไป แผนถัดไปคือให้เพื่อนของเพื่อนคริสวาดแปลนทำ blueprints ให้ แล้วค่อยให้ผู้รับเหมาหลายๆเจ้าตีราคา ถ้ามันออกมาแพงมากก็คงได้เปลี่ยนแผนแหงมๆ

วันอาทิตย์: ตื่นแต่เช้าเพราะคริสไปเตะบอลอีกตามเคยอ้อมก็เป็นผู้เชียร์ที่ดีอีกแล้ว คริสก็เตะบอลไป อ้อมก็ออกไปเดินเล่นในพาร์ค เจ๊อะต้นไม้ใหญ่ต้นนี้
มีป้ายบอกรายละเอียดไว้ว่าต้นไม้ต้นนี้เป็น signal tree คือต้นไม้ใหญ่มีรูปร่างประหลาดที่คนอินเดียนแดงสมัยก่อนใช้เป็นหลักบอกทางกัน
ถ่ายรูปดอกไม้ใบหญ้าไปตามเรื่องตามราว

ดีใจได้ทาเล็บเท้า ใส่รองเท้าแตะ สลัดรองเท้าบู้ตถุงเท้าเก็บตู้เสียที ถ่ายรูปเก็บไว้ซะหน่อยตอนบ่ายไปแวะนั่งเล่นที่บ้านเพื่อนคริส อ้อมห่อเกี๊ยวซ่าไปทอดทานที่บ้านนี้ อร่อยกันใหญ่ วันหลังทำอีกจะถ่ายรูปไว้ ตอนเย็นกลับมาบ้านมาทำมัสมั่นแกงแก้วตา หอมยี่หร่ารสร้อนแรง แต่ออกมาไม่ค่อยร้อนแรงเท่าไหร่อ่ะ กะทิกระป๋องมันหวาน ไม่มีน้ำมะขามเปียกตัดรส เลยแอบใส่น้ำส้มสายชูไปนิดนึง รสชาติคนไทยพอแหลกล่ายและฝรั่งแหลกลี แมรี่แอนทานไปสองจาน หิหิ

ตกกลางคืนคริสนั่งดูเบสบอลกับแฟนใหม่!!! เทย์เลอร์ขี้อ้อนมากๆ เอาทั้งขามาวางบนพุงคริสและเอาหัวมาซบแบบมีความสุข แถมมีส่งสายตาเว้าวอนด้วยอีกต่างหาก เชอะ นี่ถือว่าเป็นหมา(แก่)นะ ไม่งั้นมีเรื่อง มากอดคริสได้ไง ฮ่ะๆ


อาหารที่อยากทานวันนี้: มัสมั่นที่พ่อเคยทำ แต่ก่อนสมัยที่ที่บ้านยังทานเนื้อกันอยู่ พ่อแกงมัสมั่นเนื้อได้อร่อยมากๆ ใช้หม้อความดันตุ๋นเนื้อซะเปื่อย ถั่วนิ่ม ทุกอย่างเข้าเนื้อ อูยยยยยยยยยย

Friday, May 5

เหมือนว่าไม่มีอะไรทำ

เมื่อวานไม่ได้ทำอะไรมากค่ะ(อีกแล้ว)

เช้า: ออกไปถ่ายรูปดอกแดฟโฟดิล(จากดอกเหลืองๆวัชพืชตามทุ่ง กลายเป็นแบบนี้) ขาวๆฟูๆ น่ารักดี เสร็จแล้วมาอัพบล็อกเรื่องอาหาร

กลางวัน: ทำเนื้อทอดผักผักให้คริสทานกับข้าว ส่วนอ้อมทานสุกี้แห้งเนื้อ จานใหญ่มาก ผักเพียบ แต่ใช้น้ำจิ้มแม่ประนอมที่หมดอายุนะ คิดว่าคงไม่เป็นไร วันนี้ท้องยังไม่เสีย หิหิ

บ่าย: ไปดูรถกระบะที่พ่อคริสคิดว่าอาจจะซื้อ เป็นรถ Dodge คันใหญ่มาก สวยเฉียบ(ตอนนี้รสนิยมเป็นลูกทุ่งมากขึ้นค่ะ รถกระบะก็สวยได้) มือสองแต่สภาพเหมือนใหม่ ขับเคลื่อนสี่ล้อ คริสลองขับ อ้อมนั่งด้วย กระเทือนกว่ากระบะที่มีอยู่แล้วแต่เครื่องดีเซลเงียบกว่ามาก พ่อคริสว่าจะเอาคันที่มีอยู่ไปเทอร์น แต่ปรากฏว่าศูนย์กดราคาซะ ก็เลยไม่เอาทันที ไม่มีต่อรอง จริงๆก็ไม่จำเป็นต้องซื้อคันใหม่อยู่แล้ว เพราะมีอยู่แล้วสองคัน ใช้ได้ดีทั้งคู่ แถมคันที่ไปดูสูงไปหน่อย ใช้ลากรถพ่วงคงไม่ค่อยปลอดภัย

เย็น: ช่วยแมรี่แอนต่อตู้ใส่รองเท้าที่สั่งมา ของดีราคาถูกไม่มีในโลกนี้โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าของนั้นเมดอินไชน่า ปลุกปั้นกับตู้อยู่นานมาก มันไม่ลงล็อกซักที [รูปที่เห็นถ่ายเช้านี้หลังจากอ้อมปลุกปล้ำกับมันจนสำเร็จ(คนเดียวด้วยน้า) แต่สังเกตประตูทางขวามันเบี้ยว สรุปก็เลยแยกส่วนแพ็คลงกล่องเตรียมส่งคืนไปเรียบร้อยแล้ว]

เย็น(ต่อ): สุดท้ายต้องยอมแพ้เลิกต่อตู้ไปทานดินเนอร์ก่อน แมรี่แอนทำ stuffed peppers พริกหยวกยัดไส้เนื้อและข้าว อบกับซอสมะเขือเทศ ทานกับมันบดและไวท์บีนต้ม แต่อ้อมไม่ได้ทานมันบดนะ ทานแต่ไวท์บีนต้ม พยายามลดความอ้วน เหะเหะ (จริงๆ ได้แต่คุมความอ้วน กันไม่ให้มันขึ้นมากไปกว่านี้ก็พอแล้วล่ะ)
ค่ำ: ไปเดินเล่นย่อยอาหารกับคริสที่ New Towne Mall มอลล์ใกล้บ้าน เป็นมอลล์ที่ห่วยที่สุดเท่าที่เคยไปมาในอเมริกา ร้านน้อย ของ.....ไร้ระดับโดยสิ้นเชิง อ้อ มีร้านขายเครื่องกีฬาร้านนึงดีหน่อย ของเยอะและไม่แพง เดินไปเดินมาก็ซื้อไอติมซอฟท์เสริฟทานกันหนึ่งโคนที่ร้านแอนตี้แอน อร่อยดี ลืมเรื่องคุมน้ำหนักไปซะ ฮ่ะฮ่ะ

บ๊ะ (ตบเข่าตัวเองดังฉาด) เขียนไปเขียนมา ขนาดว่าไม่มีอะไรทำยังได้ยาวเชียว ไม่เลวแฮะ ชีวิตเราจะเอาอะไรมากไปกว่านี้เนอะ

อาหารที่อยากทานวันนี้: เค้กชิฟฟอนฝีมือคุณย่า ไม่มีโอกาสได้ทานอีกแล้ว เค้กคุณย่าเนื้อจะนุ่มๆฉ่ำๆ ยิ่งกลิ่นใบเตยนะ หอมเชียว ก้อนก็เล็กๆ ตอนเด็กๆทานกำลังดี (ตอนนี้คงต้องทานทีละสามก้อน) เสียดายและเสียใจมากๆที่ไม่ได้เรียนรู้การทำกับข้าวจากทั้งคุณย่าและคุณยาย :~~

Thursday, May 4

Food Food Food!!



อาทิตย์นี้ชีวิตเรียบง่ายค่ะ ไม่ได้ไปไหนเท่าไหร่ อ้อมก็เลยว่าเขียนเรื่องอาหารดีกว่า รู้สึกจะเป็นหัวข้อที่ทุกคนชื่นชอบ มันคุยง่ายจริงๆนะ ไม่ว่าใครก็คุยได้ เป็นหัวข้อปลอดภัย บล็อกนี้เขียนๆหยุดๆค้างๆไว้แต่อาทิตย์ที่แล้ว อาจอ่านแล้วขาดๆเกินๆนะคะ มันเขียนแบบฝืดๆบ้าง

ช่วงนี้จิตใจฝักใฝ่แต่เรื่องอาหาร ถ้าเมื่อไหร่ต้องนั่งรถไปเป็นเพื่อนคริสไกลๆ อ้อมจะเหม่อฝันกลางวันนึกถึงอาหารที่อยากทานได้เป็นสิบๆอย่าง ส่วนนึงก็คงเป็นเพราะว่าคิดถึงอาหารไทยน่ะแหละ แต่อีกส่วนก็คงเป็นเพราะว่าอ้อมชอบอาหาร ที่ว่าชอบเนี่ยไม่ใช่ชอบทำหรือชอบกินนะ แต่ชอบดูชอบอ่านเรื่องอาหาร และก็เป็นมาตั้งแต่เด็กแล้วด้วย (พ่อกับแม่อาจแปลกใจว่า เอ ตอนเป็นเด็ก อ้อมก็ไม่เคยคิดจะจับตะหลิวช่วยแม่เลยนี่นา กินก็ไม่ได้กินมาก ตัวผอมกะหร่องก่อง แล้วมันไปสนใจเรื่องอาหารตอนไหน) ตอนเด็กๆมีหนังสือเล่มโปรดอยู่เล่มหนึ่งชื่อ"เมื่อคุณตาคุณยายยังเด็ก" ที่เล่าถึงเรื่องชีวิตคนไทยสมัยก่อน(เทียบกับยุคนี้ชื่อหนังสือคงต้องเปลี่ยนเป็นเมื่อคุณทวดคุณชวดยังเด็ก) อ่านได้อ่านดีอ่านหลายรอบมากๆ แต่ตอนที่ชอบที่สุดจะเป็นตอนที่เล่าถึงเรื่องอาหารทั้งหลาย เช่นขนมปั้นสิบ หรือขนมหม้อตาล อ่านเป็นสิบๆรอบได้มั้ง อ่านไปจินตนาการไปว่าอาหารหน้าตาเป็นยังไง อร่อยแค่ไหน พอได้อ่านเรื่อง"บ้านน้อยในป่าใหญ่" ก็ชอบอ่านตอนที่เกี่ยวกับอาหารอีกนั่นแหละ เช่น เรื่องทำน้ำเชื่อมเมเปิ้ล อะไรอย่างนี้ โตขึ้นมาอีกนิดจำได้ว่านั่งดู(อ่านไม่ออก)หนังสือทำขนมที่น้าตุ๊กเอากลับมาจากอเมริกาได้ทั้งวัน พวกหนังสือแต่งหน้าเค้กด้วยมั้ง รูปสวยๆทั้งนั้น ดูได้ดูดี ที่จำได้แม่นว่าดูด้วยความทึ่งก็คือเรื่องทำน้ำตาลให้มันแข็งตัว เอามาปั้นเป็นลูกกลมๆได้ ดูแล้วดูอีกอยู่นั่นแหละ แต่ไม่ได้อยากทำนะ หลังจากนั้นความสนใจเรื่องอาหารก็หายไปช่วงหนึ่งค่ะ ช่วงวัยรุ่นช่วงเรียนมหาวิทยาลัยเนี่ยมันไปสนอย่างอื่นแทน ฮ่าๆ (อ๊ะ อ๊ะ อย่าคิดลึก ตอนนั้นชอบดูหนังกับอยู่กับเพื่อนมากกว่าอ่านหนังสืออื่นนอกจากการ์ตูนและหนังสือเรียน)

พอได้มาเรียนที่อเมริกา สวรรค์มาก มีเคเบิ้ลทีวีช่อง Food Network ดูมันอยู่นั่นแหละ สลับกับช่องแต่งบ้าน HGTV จะว่าดูเตรียมตัวเป็นแม่ศรีเรือนก็ไม่ใช่ เพราะดูเฉยๆ ไม่ทำซักอย่าง ของที่ทำทานเองตอนนั้นก็ทำแต่ซ้ำๆเมนูเดิม กินไปได้ทั้งอาทิตย์ (คือจริงๆอยากทานของอร่อยๆ แต่ความขี้เกียจมันมากกว่า ไม่ใช่คนทำกับข้าวเก่งนี่นา) พอมาตอนนี้เวลาว่างยิ่งเยอะก็ยิ่งหาเรื่องเกี่ยวกับอาหารอ่านได้มากขึ้น ตอนเช้าหลังจากเช็คอีเมลแล้วอ้อมก็จะไล่เปิดเว็บที่เซฟไว้ในแฟ้มย่อยใน favorites เรื่องอาหารล้วนๆ เอามาเผื่อแผ่กันตรงนี้ละกัน

  • ห้องอาหารการกินของโต๊ะจตุจักรในพันทิป.คอม ไว้เปิดดูทั้งสูตรกับข้าวและรีวิวร้านอาหารในเมืองไทย ดูให้ความอยากมันทวีคูณ จากตรงนี้อ้อมก็จะตามไปอ่านบล็อกของคนที่โพสต์ไว้ทั้งหลายต่อใน Bloggang.com มีสูตรกับข้าวดีๆเยอะ
  • Chez Pim เป็น food blog ภาษาอังกฤษเขียนโดยคนไทย(ไฮโซ)ที่อยู่ที่อเมริกานี่ มีทั้งเรื่องอาหารไทยและฝรั่ง
  • Chocolate & Zucchini บล็อกภาษาอังกฤษอีกเหมือนกัน หนักไปทางอาหารฝรั่งเศส อ่านไปได้ทบทวนภาษาฝรั่งเศสที่เหลืออยู่เท่าหางอึ่งไปด้วย
  • DavidLebovitz.com เชฟอเมริกันในปารีส หนักไปทางเรื่องช็อคโกแล็ต บางทีมีเสียดสีฝรั่งเศสและอเมริกา อ่านเพลินดี อ่านแล้วก็อยากไปปารีส ไปทานไปซื้อของกินตามร้านที่เขาแนะนำ
  • The Amateur Gourmet บล็อกของนักเรียนป.โทการแสดงในนิวยอร์ค(ท่าทางจะเป็นเกย์) มีทั้งรีวิวร้านอาหารและกับข้าวที่ทำเอง เขียนแบบมีอารมณ์ขันดี
  • she who eats สาวญี่ปุ่น(มั้ง)ที่เดินทางบ่อย รูปสวยมากๆๆๆ
  • Tiger & Strawberries อันนี้เพิ่งค้นพบ ยังไม่ได้อ่านมาก เซฟไว้เพราะคนเขียนอยู่โอไฮโฮเหมือนกัน
  • ครัวไกลบ้าน เว็บบอร์ดของแม่บ้านต่างแดนทั้งหลาย มีกับข้าวหลายสูตร

ตอนนี้อ้อมก็ทำกับข้าวบ้างด้วยความจำเป็น แต่ก่อนตอนอยู่อิลลินอยส์ได้ทานอาหารไทยเยอะเพราะทำงานร้านอาหารไทย อยู่ฮาวายได้ทานที่ไชน่าทาวน์ทุกอาทิตย์ แต่ที่บ้านที่โอไฮโอนี้ร้านไทยที่ใกล้ที่สุดอยู่ห่างไปกว่าครึ่งชม.แถมพ่อครัวคนทำเป็นคนจีน รสชาติไม่เอาอ่าว ทีนี้เวลาอยากทานอาหารไทยขึ้นมาจะทำยังไง ก็ทำอะไรไม่ได้มากค่ะ อ้อมก็ได้แต่ทำกับข้าวตามมีตามเกิดไปแบบที่มันไม่ยากมาก แต่ส่วนใหญ่แมรี่แอนก็เป็นคนทำกับข้าวที่บ้านนี้อยู่ดี แต่จะทำแค่เฉพาะมื้อเย็นเพราะเขาไม่ทานมื้อกลางวัน กว่าพ่อคริสจะลงมาข้างล่างก็เกือบเที่ยงแล้ว เขาก็เลยทานมื้อเช้าง่ายๆกันไป แต่อ้อมกับคริสตื่นเช้ากว่าก็เลยทานทั้งมื้อเช้าและกลางวัน ส่วนใหญ่มื้อกลางวันอ้อมก็ทำอะไรง่ายๆทาน ประเภทข้าวไข่เจียวหรือไม่ก็โหระพาเนื้อสับ(หากระเพราไม่ได้) บางทีก็บะหมี่สำเร็จรูปตามมีตามเกิดไป รูปข้างบนคือลาบวุ้นเส้นที่ทำทานเอง ให้แมรี่แอนชิมด้วย เขาก็ว่าอร่อย ไว้วันหลังคงได้ทำให้ทั้งบ้านลองทานกันตอนเย็น (แต่ไม่รู้เมื่อไหร่)

ต่อจากนี้เป็นต้นไป อ้อมจะปิดท้ายบล็อกด้วยอาหารที่อยากทานหนึ่งอย่าง

อาหารที่อยากทานวันนี้: แกงไตปลาที่คุณยายทำ (ไม่มีโอกาสได้ทานอีกแล้ว แต่ก็ยังคิดถึงอยู่เสมอ ไม่มีใครทำแกงไตปลาอร่อยเท่าคุณยาย)

Tuesday, May 2

United 93

Last Saturday, Chris and I went to see the movie "United 93". It's a movie about Flight United 93 that was hijacked on 9/11, but didn't make it to the target because a few people on board decided to fight against the hijacking terrorists. It crashed in Pensylvania.

The film was shot in a documentary style I guess. I don't really know much about films, but i have to say this movie is more of a documentary than a film. The story was already known, so there's no real characters' development or "plot". Overall, we both think that it's a good movie. It did move us. The end was so sad Chris and I both had tears in our eyes. To see how courageous those passengers were was stunning. Despite their short time together on the flight, they came together very quickly. If they hadn't done what they did, who knows how many more people would have lost their lives.

There's one thing that prevented me from enjoying the movie, though. The camera moved way too much. I got really sick by the middle of the movie. I had to close my eyes at some points so that I wouldn't have to get up to go to the bathroom to throw up. But that's just me. I always have motion sickness problems. It's still a highly-recommended movie.

Sunday, April 30

Puppy Tray

เมื่ออาทิตย์ที่แล้วลอรี่เอาลูกหมามาวิ่งเล่นที่บ้านหนึ่งตัว ตัวนี้ชื่อชั่วคราวว่า Tray ลอรี่บอกว่าดูมันหงอยๆกว่าตัวอื่น ก็เลยแยกเอามันออกมาดูว่าขี้กลัวมั้ย หรือมันใช้เวลาปรับตัวในที่ใหม่ๆนานรึเปล่า ตัวนี้ดูโครงสร้างตามพันธุ๋ดีกว่าเพื่อน ลอรี่ก็เลยไม่แน่ใจว่าจะเอาตัวนี้ไว้ให้อ้อมกับคริสหรืออีกตัวที่ดูโครงสร้างไม่ดีเท่าแต่บุคลิกคึกคักซ่าส์กว่าเยอะ

ปรากฏว่าเทรย์มาที่บ้านนี้ได้ไม่ถึงครึ่งชม.ดี เธอก็ปรับตัวได้สบายมากค่ะ ดูคึกคักร่าเริงไม่มีปัญหา ถึงแม้ว่าเพิ่งจะโดนแยกจากฝูงเป็นครั้งแรก อายุก็แค่ 6 สัปดาห์เอง ลอรี่เลยยิ่งลังเลหนักเข้าไปใหญ่ว่าจะให้อ้อมกับคริสเลี้ยงตัวไหน อ้อมกับคริสก็ยังไงก็ได้อยู่แล้ว มันน่ารักออกอย่างนี้ทุกตัวนี่นา

จากครั้งที่แล้วที่ลูกหมามาที่บ้าน แค่อาทิตย์เดียวโตขึ้นตั้งเยอะ หน้าเริ่มยาว ขนก็ฟูขึ้น ดูไปดูมาคล้ายๆลูกหมีเนอะ
ปิดท้ายด้วยรูปพ่อหมี(อ้วน)กับลูกหมีค่ะ

Saturday, April 29

My First Baseball Game at the Jake

เคยเห็นบอลลูนแบบนี้กันบ้างไหมคะ ลูกนี้ลอยอยู่เหนือสนามเบสบอล Jacobs Field เมือง Cleveland เมื่อเย็นวันพฤหัส จริงๆมันอยู่สูงมากๆ แต่กล้องซูมมาได้ชัดเหมือนกัน
ทั้งครอบครัวคริสชอบดูกีฬากันมากๆ กีฬาที่ชื่นชอบกันที่สุดก็คือ เบสบอล ทั้งบ้านเป็นแฟนเหนียวแน่นของทีม Cleveland Indians ที่ว่าเหนียวแน่นเนี่ยก็คือมีเสื้อยืด แจ็คเก็ต ของแต่งบ้าน เป็นโลโก้ทีมอินเดียนส์เต็มไปหมด แมรี่แอนยังใส่สร้อยคอทองคำห้อยสัญลักษณ์ทีมด้วย คิดดูละกัน เอาเป็นว่าบ้านนี้ผูกพันกับทีมนี้มากๆ ดูทีวีถ่ายทอดสดทุกเกม (ซีซั่นเบสบอลจะยาวมาก เริ่มตั้งแต่ต้นเดือนเมษา จบต้นเดือนตุลา แข่งเกือบทุกวันร่วมร้อยห้าสิบกว่าเกมได้มั้ง) คริสเองก็ไปดูเกมสดที่สนามบ้าง ถ้ามีเวลา เมื่อปีที่แล้วเวลาเขาไปดูทีไรก็จะต้องโทรมาหาอ้อมจากที่สนาม แล้วก็บอกว่ารอให้อ้อมมาดูด้วยกัน(หวานซะ) พออ้อมได้มาที่นี่ซะที คริสก็ไม่รอช้าจัดการซื้อตั๋วเกมเด็ดไว้ 6 เกมสำหรับปีนี้ ในที่สุดเมื่อวานก็อ้อมก็ได้ไปดูดิอินเดียนส์เล่นเป็นเกมแรกของชีวิต(สำคัญมากๆ เหมือนก้าวแรกของทารกยังไงยังงั้น)และที่สำคัญคือได้ไปดูที่สนาม Jacobs Field ที่เรียกกันสั้นๆว่า The Jake จริงๆคริสเคยพาไปดูเบสบอลที่สเตเดี้ยมอื่นแล้วสองที่ คือ St. Louis กับ Pittsburgh แต่ที่ไหนก็ไม่เหมือน The Jake โฮมสเตเดี้ยมของอินเดียนส์ (คริสเขาว่างั้น)

บ้านอยู่ห่างจากคลีฟแลนด์มาประมาณขับรถชั่วโมงครึ่งได้ แต่เมื่อวานออกจากบ้านเร็วหน่อย คือตั้งแต่บ่ายสาม (เกมเริ่มทุ่มนึง) ที่ออกจากบ้านเร็วก็เพราะอยากไปแวะดูบ้านตัวอย่างของ Schumacher Homes (อีกแล้ว) ให้แน่ใจว่าชอบแบบบ้านจริงๆและดูด้วยว่าจะดัดแปลงอะไรบ้าง แต่ก่อนจะไปถึงบ้านตัวอย่าง มาหยุดที่นี่ซะก่อน โปรดสังเกตที่ป้ายเขียนว่า Best in the worldต้องพิสูจน์ว่ามันเจ๋งที่สุดในโลกจริงรึเปล่าก็เลยสั่งถ้วยนี้มา มีรส Chocolate Chip Cookie Dough รสโปรดคริสอยู่ข้างใต้ โปะด้วยรส Chocolate Chocolate Cheesecake ที่อ้อมเลือก ใส่ถ้วยวาฟเฟิล กินเข้าไปคำแรกก็รู้เลยว่าป้ายไม่ได้โม้ อ้อมอุทานออกมาว่า "Oh! My" (ไม่มี God ต่อท้ายเพราะเป็นพุทธ ยังไม่เคยทำใจอุทาน Oh! My god ได้ซักที) ภาษาไทยก็ประมาณ โอ้ คุณพระคุณเจ้า อร่อยเหลือเกิน รสเข้มข้นถึงเครื่องมากๆ ทุกคำจะมี cheesecake หรือไม่ก็ cookie dough หรือไม่ก็ chocolate chips ประมาณว่าถ้าเป็นไอติมกะทิทรงเครื่องบ้านเราก็จะอุดมไปด้วยขนุน เม็ดบัว ข้าวโพด ซาหริ่มนั่นแหละ

จากร้านไอติม ก็ไปดูบ้านตัวอย่าง แต่ไม่ได้ใช้เวลามากเท่าไหร่ ก็พอมีไอเดียแล้วว้าจะทำอะไรกับแปลนบ้านบ้าง ขั้นต่อไปก็คือหาคนเขียนแบบให้

ขับต่อจากบ้านตัวอย่างไปไม่นานก็เข้าตัวเมืองคลีฟแลนด์ นี่ขนาดเป็นเมืองใหญ่ ดูตึกดาวน์ทาวน์ของเขาสิ มีอยู่ไม่กี่ตึก

จอดรถเสร็จก็เดินมาที่สเตเดี้ยมเบสบอล รูปนี้ข้างสนามข้างนอก
รูปนี้หน้าสเตเดี้ยมเลย สนามสวยดี สูงประมาณตึกหกเจ็ดชั้นได้

หาที่นั่งได้แล้ว ได้มุมนี้ เห็นสกอร์บอร์ดอยู่ทางซ้ายมือ

สนามเบสบอลค่ะ

หาที่นั่งเจอแล้ว ก็ต้องออกมาซื้อของกินและเครื่องดื่ม ขาดไม่ได้เวลามาดูกีฬา ก็ต้องนี่เลย เบียร์เย็นๆ ตอนซื้อเบียร์ สองสามีภรรยาโดนตรวจบัตรดูอายุด้วย ดีใจสุดๆคริสทานพิซซ่า(เย็นๆชืดๆ) อ้อมทานฮ็อทดอก ที่เห็นมันดูแหยะๆเนี่ย ใส่มัสตาร์ดกับผักดอง มัสตาร์ดสีนํ้าตาลเป็นมัสตาร์ดพิเศษของสเตเดี้ยมนี้เท่านั้น อร่อยดี
ที่ขาดไม่ได้อีกอย่างคือ Nachos ชิปส์ ซัลซ่า กับชีสดิปอีกแล้ว มีพริกดองโรยด้วย
ที่นั่งที่ได้อยู่สูงเหมือนกัน ตอนที่ไปถึงคนยังไม่มีเพราะยังเร็วอยู่ก่อนเกมเริ่มครึ่งชั่วโมง ในมืออ้อมถือโปรแกรมเกม ที่หัวใส่หมวกทีม ตอนนี้มีเครื่องแต่งตัวทีมแค่หมวกใบนี้ใบเดียว จะไปซื้อพวกเสื้อมาใส่กะเขาบ้าง ก็ดูแล้วดีไซน์ยังไม่ถูกใจวัยรุ่น(ป้าอยากสาว)แบบเราเล้ย แถมยังแพงอีกต่างหาก สังเกตว่าแต่งตัวสู้หนาวด้วย ที่คลีฟแลนด์อากาศจะเย็นกว่าที่บ้านเพราะอยู่ติดทะเลสาป ลมที่พัดมาเย็นมากๆ ยิ่งหลังพระอาทิตย์ตกแล้ว หนาวสุดๆ

มีหลายคนอาจสงสัย แล้วไอ้อ้อมมันดูเบสบอลรู้เรื่องด้วยเหรอ กีฬานี้ไม่เคยเห็นมีใครเขาดูกันที่เมืองไทย อันนี้ก็ต้องขอบคุณโรงเรียนเป็นอย่างมากที่นอกจากให้ความรู้จนเอ็นท์ติดแล้วยังสอนซอฟท์บอลในวิชาพลศึกษาอีกด้วย อย่างน้อยอ้อมก็รู้ว่าเกมมันทำสกอร์กันยังไง มีกฎอะไรบ้างทำไห้ไม่อายชาวบ้านเขา ส่วนคริสก็ไม่ต้องเหนื่อยอธิบายมาก (แต่จริงยังต้องเรียนรู้อีกเยอะ ทั้งศัพท์ ทั้งสถิติผู้เล่น สกอร์บอร์ดของเบสบอลมีตัวเลขและตัวย่อจำนวนประมาณห้าร้อยตัวได้ คริสก็ค่อยๆสอนอ้อมไป อ้อมก็จำมั่งไม่จำมั่งไปตามเรื่องตามราว อีกสิบปีคงพอไหว)

พระอาทิตย์ใกล้ตกแล้วในรูปข้างล่าง อากาศก็หนาวซะ แต่แฟนพันธุ์แท้อย่างคริสก็ไม่หวั่น นั่งดูด้วยใจจดจ่อมากค่ะ จริงๆเกมที่ไปดูสนุกมากๆ แข่งกับ Boston Red Sox ซึ่งเป็นทีมดีทีมหนึ่งในลีก อินเดียนส์ตีแกรนด์สแลมได้ตั้งแต่อินนิ่งแรก(เห็นมั้ย ศัพท์เทคนิคเริ่มมา แกรนด์สแลมคือตีโฮมรันได้ตอนที่เบสทุกเบสมีรันเนอร์อยู่ คือโฮมรันเดียวได้ 4 คะแนน หรือ 4 รัน ยิ่งอธิบายศัพท์ยิ่งเยอะวุ้ย) แล้วก็ตีโฮมรันได้อีก ชนะไปด้วยคะแนน 15-3 อ้อมกับคริสกลับตั้งแต่จบอินนิ่งที่เจ็ด(มีทั้งหมดเก้าอินนิ่ง)เพราะตอนนั้นก็ดึกแล้ว สี่ทุ่มกว่า กว่าจะกลับถึงบ้านคืนนั้นก็เที่ยงคืน เหนื่อยสลบจากเบียร์ที่กินเข้าไปด้วย แต่มันส์ค่ะ

Thursday, April 27

ดอกไม้ให้น้าภา

ช่วงนี้อากาศเย็นลงอีกแล้ว ตอนกลางคืนอุณหภูมิลดลงตํ่ากว่าจุดเยือกแข็ง ตอนเช้าตื่นขึ้นมาก็จะมีนํ้าค้างแข็ง (เขาเรียกแม่คะนิ้ง ใช่มั้ย) เกาะหญ้า อ้อมตื่นลงมาก็เจอแบบนี้ หญ้าขาวไปหมด
ดูในรูปข้างล่างจะเห็นนํ้าแข็งเกาะหญ้า ที่เห็นไกลๆเป็นแบ็คกราวนด์คือแฮนนาห์ทำ"ธุระ"อยู่ รูปนี้เสี่ยงลุยแดนกับระเบิดนิดหน่อยกว่าจะได้มา

รูปดอกไม้ที่เหลือข้างล่างนี้ ถ่ายไว้ก่อนอากาศจะเย็น เห็นน้าภาบอกว่าอยากให้น้าติ๋มดู เผื่อเอาไว้เพนท์เสื้อ อ้อมว่าดอกเนี้ยสวยดี ดอกเล็กๆ น่ารัก ใบสีแดงเข้มสวย

ต้น Umbrella ที่บานเต็มที่แล้ว ดูเป็นร่มจริงๆนะ


เท่านี้ก่อนนะคะ เดี๋ยววันนี้ตอนเย็นจะไปดูเบสบอลที่คลีฟแลนด์กับคริส เดี๋ยวมาเล่าให้ฟังค่ะ