Tuesday, March 28

รำพึงรำพัน2

ขอทำตัวเป็นคนแก่ขี้บ่นอีกสักวัน วันนี้ว่าด้วยเรื่องช็อปปิ้ง กิจกรรมยามว่างที่ขาดไม่ได้ของสาวเมืองกรุง(เทพฯ)อย่างเรา ตั้งแต่มาอเมริกานี่มีเรื่องคับอกคับใจอีกเรื่องนอกจากเรื่องว่างจัดแล้วก็เรื่องช็อปปิ้งนี่แหละ ไอ้ไม่มีที่ให้ช็อปมากหรือของที่นี่แพงเนี่ยมันก็พอทำใจได้ จริงๆของจะแพงยังไง เราก็รอให้มันเซลส์ได้เสมอ ช็อปที่นี่ถือคติว่าไม่ลดไม่ซื้ออยู่แล้ว (ถ้าอยู่เมืองไทยก็คือถึงไม่ลดให้ก็ซื้ออยู่ดี ต่อไม่ค่อยจะได้มากอยู่แล้ว เพราะเวลาชอบของอะไรเนี่ย หน้ามันจะออก แม่ค้าจะจับไต๋ได้ว่าอีนี่ถึงไม่ลดให้มันก็ซื้อ) แต่เรื่องที่มันอึดอัดจริงๆเรื่องแรกก็คือการขาดรายได้ของตัวเอง จริงๆตอนแรกฝันไว้สวยหรูมากว่าจะมาใช้เงินคริส ไม่ต้องทำงานเอง แสนจะสบาย แต่พอเอาเข้าจริงๆ ความรู้สึกผิดมันท่วมท้นทุกทีที่ไปซื้อของแฮะ มันอึดอัดคับข้องใจมากๆที่ต้องใช้เงินเขาซื้อของสำหรับตัวเองเท่านั้น ตอนแรกๆนั้นอึดอัดมากๆถึงขั้นร้องห่มร้องไห้ เพราะอยากได้ของแต่ก็ต้องตัดอกตัดใจด้วยเหตุผลที่ว่ามันไม่จำเป็น เสื้อผ้ารองเท้าก็ล้นตู้อยู่แล้วจะซื้ออะไรกันอีก โอกาสจะได้ใส่เสื้อผ้าสวยๆก็ไม่มี งานไม่ได้ทำ แถมอยู่บ้านนอกขนาดนี้จะลุกขึ้นมาแต่งตัวเฉิดฉายก็ใช่ที่ ก็เลยรู้สึกอึดอัดอกกลัดหนองอยู่ข้างใน แถมบางครั้งคุณคริสยังล้อเล่น(แรงๆ)ว่าเขานั้นทำงานแสนหนัก (I'm busting my ass off working in the cold.) แต่เรามาใช้เงินอย่างนี้ โห มุขนี้กระตุกต่อมนํ้าตาแตกมาก ร้องไห้โฮกลางห้างเลย คุณสามีที่รักถึงกับตกใจเพราะไม่รู้ว่าเราก็คิดมากขนาดนั้น จริงๆเขาก็ล้อเล่นน่ะแหละ ถ้าเราอยากได้อะไรจริงๆ เขาก็ซื้อให้ และเราก็มีลิมิตอยู่แล้ว แต่ตอนนี้ไม่ค่อยคับข้องใจเหมือนตอนมาใหม่ๆแล้วนะ เริ่มชินแล้วล่ะ คุณคริสก็เริ่มเหงื่อตกตามจ่ายบัตรเครดิตเราไป

เรื่องที่สองคือไม่มีเพื่อนช็อป จริงๆช็อปคนเดียวก็ได้ไม่หวั่นอยู่แล้ว ตอนอยู่เมืองไทยก็ช็อปคนเดียวประจำเพราะหยุดไม่ตรงกับชาวบ้านเขา แต่ตอนนี้ใบขับขี่ก็ยังไม่มี จะไปไหนทีก็รอแต่คริสพาไปเท่านั้น แล้วช็อปปิ้งกับผู้ชายมันสนุกที่ไหนล่ะ เดินเข้าห้างปุ๊บ พ่อคุณหาวก่อนเลย สายตาก็จะสอดส่ายหาแต่เก้าอี้นั่งรอ ไอ้เราอยากจะเดินนานๆ ลองโน่นลองนี่ตามประสา (ไม่ได้ซื้อ ได้ลองสนองตัณหาชั่วคราวก็ยังดี) หันมาเจอหน้าเหม็นบูดคุณผู้ชายเข้าก็เซ็งหมดอารมณ์ไป เออ กลับบ้านก็ได้ ฮันนี่ เห็นหน้ายูแล้วปวดท้อง หมดอารมณ์อย่างแรง เขาก็จะบอกว่าไม่เป็นไร เดินไปเถอะ ก็อยากเดินเหมือนดันแหละ แต่มันไม่สนุกซะแล้วนี่นา หรือจริงๆนี่เป็นแผนคริสให้เราไม่ใช้เงินมากก็ไม่รู้

สรุป อยู่ที่นี่ช็อปน้อยมากๆ ด้วยเหตุผลข้างต้น ที่สำคัญที่สุดก็คือต้องเก็บเงินสร้างบ้าน ตอนนี้ก็ฝึกนิสัยปล่อยวางไป เริ่มดีขึ้นแล้วล่ะ แต่เนี่ยไม่รู้ว่าไอ้ที่อ้วนขึ้นเนี่ยจะทำให้ต้องเสียตังค์มั้ย เพราะอาจจะใส่เสื้อผ้าหน้าร้อนที่อุตส่าห์ขนมาสองกระเป๋าครึ่งไม่ได้ คราวเนี้ยแหละ ยุ่งแน่ ต้องซื้อใหม่ยกตู้ ฮ่าฮ่า

5 comments:

Anonymous said...

อืม..อ่านแล้วไม่ค่อยเข้าใจความรู้สึก เพราะว่า เราไม่ชอบช๊อปเสื้อผ้าอะค่ะ แต่ก็ขอให้คุณอ้อมได้งานทำ (ดีป่าว) จะได้ช๊อปได้สบายใจ

Kun-li-ko said...

แสนจะเข้าใจความรู้สึกของเพื่อนมั่กมากกก... เพราะตอนที่เราไม่มีงานทำเป็นหลักแหล่งอยู่เกือบ 2 ปี ก็มีความรู้สึกเดียวกันเลย เวลารูดการ์ดของท่านแม่ อยากได้ก็อยากได้ ข้างในใจก็รู้สึกผิด ในหัวต่อสู้กันเองอย่างหนักหน่วง กว่าจะหัดปลงได้ก็ใช้เวลานานพอสมควร ปัจจุบันถึงจะได้งานทำก็ยังไม่ได้ใช้เงินเต็มที่เพราะต้องตามใช้หนี้เก่าอยู่ ชีวิตมันเศร้าจริงๆ กะจะเปิดท้ายขายของเร็วๆนี้เหมือนกัน ถ้าเพื่อนอ้วนขึ้นจนเสื้อผ้าหน้าร้อน 2 กระเป๋า ใส่ไม่ได้ก็เปิกท้ายไปเลยสิจะได้หมุนเวียนไปซื้อใหม่ แต่เพื่อนก็ต้องเลือกทำเลหน่อยนะ เพราะเพื่อนตัวเล็กจิ๋ว ถ้าเลือกทำเลที่มีแต่ฝรั่งตัวใหญ่จะขายยากน่ะ ว่างๆก็ลองทำสร้อยทำอะไรสิเผื่อขายได้ แก้ว่างด้วย ได้ตังค์กินหนมด้วย หรือว่าอยากทำงานแปลไหม เผื่อมีจะได้ส่งไป เอ...แล้วเราจาส่งตังค์กันไงดี ขอไปศึกษาก่อนนะ ^:^

Anonymous said...

Dear Aom - Wait for me a little while; whenever I move there, you would have me to share this feeling ka. By the way, I do support Kun's idea for "yard sales" as well as look for a job (online one) so you would at least have money for your expenses on personal things ka - Lynn

Anonymous said...

เดินเข้าห้างปุ๊บซะมีบูดนี่เป็นกันทุกคนนะเราว่า -_-"

Anonymous said...

ขอให้ทำใจให้หนักแน่นอดทนและรอคอย ไม่มีใครจะได้ทุกอย่างดังใจภายในเวลาอันรวดเร็ว