เข้าเมืองใหญ่ไปทำวีซ่าที่ Chicago
มีเรื่องให้ต้องเดินทางก่อนที่จะเดินทางค่ะ เอ...งงมั้งเนี่ย คืออ้อมกับคริสมีแพลนจะไปเที่ยว Costa Rica กับเจฟฟ์เดือนหน้าซักสามอาทิตย์ (หุหุ ตอนนี้เริ่มตื่นเต้นล่ะ ยังไม่เคยไปแถวๆนั้นเลย) แต่ก่อนที่จะไปจริงๆเนี่ย อ้อมก็ต้องขอวีซ่าก่อนตามสไตล์ผู้ถือพาสปอร์ตของประเทศกำลังพัฒนาอย่างไทยแลนด์ แลนด์ออฟสไมล์บ้านเรา (เมื่อไหร่ขอสัญชาติอเมริกันได้นะ จะรีบขอเลย ไม่ได้อยากเป็นพลเมืองที่นี่หรอกแต่อยากถือพาสปอร์ตเมกัน ไปไหนสะดวกดียกเว้นไปทางตะวันออกกลาง อาจไม่ปลอดภัยได้ ฮ่าๆ) อ้อมก็ค้นคว้าหาข้อมูลด้วยกูเกิ้ลตามเคยไว้ก่อน ก็ได้ความว่าต้องไปยื่นเรื่องด้วยตนเอง ไม่สามารถทำทางไปรษณีย์ได้ และสถานกงศุลที่อยู่ในเขต jurisdiction นี่ก็คือที่ Chicago เฮ้อ ทำไมไม่อยู่ใกล้ๆกว่านี้หน่อยก็ไม่รู้ ชิคาโกห่างจากบ้านประมาณ 400 ไมล์ ขับรถ 7 ชม. พอดีๆ แต่ทำไงได้ ยังไงก็ต้องไปอยู่ดี ก็เลยโทรไปถามเรื่องเอกสารแล้วก็นัดวันเวลากับสถานกงศุลไว้เป็นวันพุธตอน 11 โมง
วันอังคารก็เลยออกเดินทางกันแต่เช้าค่ะ เจ็ดโมงครึ่งกว่าๆ แวะซื้ออาหารเช้าตามทางอีกเหมือนเดิม ขับไปเรื่อยๆก็ถึงชิคาโกประมาณบ่ายสามได้มั้ง เนื่องจากคนละ time zone กันก็เลยได้เวลาแถมมาหนึ่งชม.
ขับเข้าเมืองก็จะเห็น skyline ของเมืองใหญ่ค่ะ ตึกเพียบ เด็กกรุงเต้บเก่าอย่างอ้อมชักตื่นเต้นรู้สึกกระชุ่มกระชวย ส่วนคนขับรถอย่างคริสชักเครียดเพราะไม่ชอบเมืองใหญ่
ขับเลียบทะเลสาป Michigan ไปเรื่อยๆก็ถึงโรงแรม Super 8 เจ้าเก่า คราวนี้จองแบบใช้คะแนนสะสมพักฟรี ห้องใหญ่ใช้ได้เลย สะอาดสะอ้านดี neighborhood ก็ดี พักผ่อนยืดเส้นยืดสายกันนิดหน่อยก็เดินออกมาหาอะไรทานกัน ไปเจอะร้านขายอาหารกึ่งฟาสต์ฟู้ดทั่วๆไปนี่แหละ อยู่ใกล้สถานีรถไฟ เดินเข้าไปในร้าน ดูเมนูปุ๊บเห็น bulgogi ฮั่นแน่ อาเจ้เจ้าของหน้าตาเป็นเกาหลีมากๆ ลูกมือเป็นเม็กซิกัน เอาวะ ยังไงบุลโกกิต้องอร่อยชัวร์ ก็เลยสั่งมา
ส่วนคริสสั่ง Philly cheesesteak ตามเคย
ก็อร่อยทั้งคู่เลยโดยเฉพาะบุลโกกิ ข้าวก็เป็นข้าวซ้อมมือด้วย จานใหญ่นั่นอ้อมทานหมดเลยเพราะหิวด้วยแหละ ทานกันเสร็จก็เข้าสถานีรถไฟ ซื้อตั๋วรายวันเอาไว้คนละ $5 จุดหมายปลายทางของเย็นนั้นคือ สนามเบสบอล U.S. Cellular ของทีม Chicago White Sox ที่อยู่ทางใต้ของตัวเมือง ก็นั่งรถไฟหวานเย็นไปเรื่อยๆ เล่นจอดซะทุกสถานีเลย กว่าจะไปถึงบอลพาร์คก็ใช้เวลาไปชั่วโมงนึงเต็มๆ อย่าถามว่าทำไมต้องมาดูเบสบอลนะคะ งานนี้อ้อมตามใจคริสเต็มที่ ใจจริงอ้อมอยากไปเดินเล่น Michigan Avenue เข้าร้านเข้าห้างดูของ หาอะไรทานอร่อยๆในเมืองมากกว่า แต่คริสเขาอยากดูเบสบอลก็ต้องตามใจเขาสักนิด คือถ้าเป็นแฟนเบสบอล ไปเมืองไหนที่มีทีมเบสบอลก็ต้องขอไปที่บอลพาร์คของเขาหน่อย
สรุปว่าไปถึงตั้งแต่ไก่โห่เลย ห้าโมงเย็น เกมเริ่มตอนหนึ่งทุ่ม ก็ซื้อตั๋วที่ box office กัน ได้ที่นั่งใน club box ซะด้วย เรียกว่าทุ่มทุนมาก อ้อมแอบเสียดายตังค์นิดหน่อย จริงๆตอนแรกว่าจะซื้อตั๋วผีสองใบยี่สิบแล้วเชียวแต่คริสว่ามันไกลไป ก็เลยมาเสียตังค์ค่าตั๋วใบละ $46 เข้าไปแล้วลองดูไอ้ที่นั่งตั๋วผีที่จะซื้อนั่นมันอยู่เหนือหัวเราเองนี่หว่า -_-" แต่ก็ไม่เป็นไร เพิ่งเคยได้นั่งใน club box แบบนี้ ดีทีเดียวแหละ ห้องน้ำก็ไม่ไกล คนไม่เยอะ มีอาหารดีๆขาย มีคนเสิร์ฟที่ที่นั่งด้วย เสียดายมากๆที่ทานกันมาจนจุก ไม่รู้ว่าอาหารที่บอลพาร์คจะดูน่าทานและไม่แพงมากแบบนี้
ดูรูปสนาม คนยังไม่เยอะเลย
พอใกล้ๆทุ่ม คนก็เริ่มเยอะแล้วค่ะ รู้สีกวันนั้น attendance จะประมาณสามหมื่นสี่พันกว่าคน นี่ขนาดวันธรรมดานะ คนดูมากกว่าที่คลีฟแลนด์เยอะ
ก็ดูเบสบอลไป กินเบียร์ไปเรื่อย เชียร์ไม่มันเลยเพราะ White Sox คือคู่แข่งของอินเดียนส์ นั่งไปนั่งมาคริสก็ชักหิวเลยสั่ง Nachos มาทาน อร่อยดี
จนสามทุ่มกว่าก็กลับกันก่อนเกมจะเลิกเพราะไม่อยากถึงโรงแรมดึกมาก แล้วตอนนั้น White Sox ก็นำ Oakland A's อยู่หลายรัน ยังไงก็ชนะอยู่แล้ว
เดินกลับมาขึ้นรถไฟที่สถานี
ดูรูปสนามเบสบอลอีกที
ปิดท้ายด้วยรูปพานอรามา
วันรุ่งขึ้นตื่นมาก็ไปหาข้าวเช้าทานกันที่ coffee shop ใกล้ๆสถานีรถไฟ ชื่อร้าน Charmer's ก็ charming สมชื่อใช้ได้ ยกเว้นแต่ว่าเปิดเพลงอะไรก็ไม่รู้ร้องเหมือนแมวครวญครางใกล้สิ้นชีวิต น่ารำคาญไปหน่อย
สั่งเบเกิ้ลแซนด์วิชมาทานคนละอัน มากับชิกเคล็ตส์กล่องจิ๋วด้วย
จากนั้นก็ขึ้นรถไฟไปดาวน์ทาวน์
นั่งไปอีกครึ่งชม.ก็ลง เดินหาตึกสถานทูตอีกห้านาทีก็เจอ เข้าไปยื่นเอกสารแล้วก็รอเจอท่านกงศุลอีกครึ่งชม.ก็ได้สแตมป์วีซ่าในพาสปอร์ตมาครอบครอง เดี๋ยวเรื่องขอวีซ่าแยกเขียนอีกโพสต์ดีกว่านะ
ขากลับก็ถ่ายรูปบนรถไฟเพิ่มอีกหน่อย คริสขอให้ถ่ายสนามเบสบอลอีกแห่ง Wrigley Field ของทีม Chicago Cubs เป็นสนามเก่าดูมีสเน่ห์มากๆอยู่ในเมืองเลย จริงๆอยากไปที่นี่มากกว่าที่ White Sox อีก แต่วันนั้นทีม Chicago Cubs ไม่ได้แข่งที่นั่น ตอนนัดทำวีซ่าไม่ได้คิด ไม่งั้นคงหาวันที่ไปดู Cubs แข่งที่ Wrigley field ดีกว่า
แถมท้ายด้วยรูปคู่และรูปเดี่ยว
หลังจากนั้นก็ขับรถกลับบ้านค่ะ ตอนออกจากชิคาโกแอบบ่นๆไปว่าคิดถึงเมืองใหญ่ คิดถึง neighborhood เล็กๆที่เดินไปหน่อยก็หาของกินได้ ไม่ต้องขับรถตลอดเวลา ส่วนคริสบอกว่าไม่เลย Just get me the hell out of here. เขาไม่ชอบเมืองใหญ่ ทนไม่ได้ด้วยซ้ำ เราสองคนต่างกันมากที่สุดก็คงตรงนี้แหละ
10 comments:
โหคุณอ้อมเนี่ย ชีพจรลงเท้าจริง ๆ นะ ไปโน้นมานี่บ่อยมากกกกกก แต่เดี๋ยวปูกลับไปอ่านก่อนนะคับ แล้วจะมาแซวใหม่ ชอบ ๆ อัพเดทเร็วดี
ปล.คนแรกอีกแล้ว5555
ตามมาอิจฉาในบล็อกอีกรอบ จะได้ไปเที่ยวอีกแล้ว ยังไงก็เที่ยวให้สนุกนะจ๊ะ
คริสสงสัยจะเหมือนจิมตรงเนียะ คือไม่ชอบเมืองใหญ่เลย นี่ถ้ามีแพลนย้ายบ้าน เค้าก็จะหนีไปอยู่ไกลผู้คนกว่านี้อีกนะ เราไม่เอาอ่ะ แค่นี้ก็ไม่มีอะไรทำจะแย่แล้ว
ที่เมืองไทยมีเมืองเล็กมากกว่าเมืองใหญ่นะ ถามคริสซิว่าสนใจไหม ฮา เอิ๊กกกกกก
อ่านจบแล้วค่า คุณอ้อม ชิคาโกเป็นเมืองที่เกือบ ใกล้ ๆ นิวยอร์คซิตี้ แต่ไม่แออัดเท่านิวยอร์ค
เห็นใจคุณอ้อม เพราะว่าเคยอยู่กรุงเทพ อะไร ๆ ก็สะดวกสบาย หาอาหารทานก็ง่ายมาก ไปไหนมาไหนสะดวก เมื่อสมัยก่อนตอนปูมาอยู่กับแม่ใหม่ ๆ ก็เหงามาก เพราะว่าแถวบ้านแม่ มันเงียบมาก แบบเคยเหงาแล้วตะโกนออกหน้าต่างดัง ๆ "เบื่อโว้ย เบื่อโว้ย เบื้อโว้ย"(ไอ้ เบื้อโว้ย สองอันหลังนี้ คือ เสียง echo ที่กลับมาอ่ะค่ะ)ความจริงแล้วตะโกนไปทีเดียวเอง จิตนาการดูว่า เงียบแค่ไหน รอฟังเสียงหมาเห่ากลับยังไม่ได้ยินซักตัวเลยคิดดูจิ
แต่อยู่ไปนาน ๆ ก็จะเคยชินไปเองคุณอ้อม ซัก 10 ปีอ่ะคับ จะรู้สึกว่าเมืองหลวงมันยุ่งวุ่นวายจริง ๆ แต่ถ้าได้ไปเที่ยว ซัก วันสองวันอ่ะกำลังดี
เรื่องคริส และ จิมเป็นพวกไม่ชอบเมืองหลวง ชาลีก็เหมือนกันนะคุณอ้อม ขนาดเขาเกิดในเมืองแท้ ๆ แต่ย้ายมาอยู่ชานเมืองแล้วก็ไม่ชอบเมืองหลวงเอาซะเลย พวกนี้เวลาขับรถเข้าเมืองจะ เกรง ๆ มาก Alert ตลอด คงคิดว่ามัน บี้ซี่และ เครซี่เกินไปมั้ง
อืม...ว่าแล้วเตรียมตัวรออ่าน ทริปไปเที่ยวของคุณอ้อม ดีกว่า (อ่ะ ทริปนี้ต้องถ่ายชุดว่ายน้ำมาให้ดูด้วยอ่ะ ไม่งั้นไม่ยอม เมืองทะเลแท้ ๆ เลยคุณอ้อม ตื่นเต้นแทน)
สรุปแล้วสงสัยคนที่นี่ไม่ชอบเมืองกันเน๊อะ ขนาดยูจีนเป็นเมืองเล็กสามีเรายังพาเรามาอยู่บ้านริมแม่น้ำที่ยังสร้างไม่เสร็จด้วยซ้ำบอกว่าสงบเงียบอยู่ท่ามกลางธรรมชาติ เอาบ้านในเมืองให้คนเช่าซะได้นังเมียเลยกลายเป็นนางไม้ไปซะ
ทำไมมันลำบากลำบนอย่างงี้เนี่ย จะเที่ยวให้มีความสุขทั้งทีดันมีอุปสรรคให้ลำบากก่อนเลยเนาะพี่อ้อม
มดว่านะคนอยู่เมืองเล็กชอบเมืองใหญ่ คนอยู่เมืองใหญ่ชอบเมืองเล็ก อิอิ ว่ามั้ยคะพี่อ้อม ถ้าถามมดนะ...ชิคาโกเหมาะเป็นเมืองท่องเที่ยวประเดี๋ยวประด๋าวมากกว่า ถ้าให้อยู่เลยคงไม่เอา สมัยไปเรียนอยู่ที่ชิคาโก้สามเดือน วันหยุดทีไรนั่งรถไฟออกนอกเมืองทุกที เมืองใหญ่คนไม่อบอุ่นอ่ะค่ะ จ(ริงๆแอบนั่งไปช้อป outlet ต่างหาก 5555) เมืองไรเนี่ยหนาวตลอดปีตลอดชาติ เซ็รงงง....Bulgogi น่ากินมากกกๆๆ
แพรวไม่ค่อยชอบชิคาโกเลย อยู่มาสองปี มีแต่ความหนาวๆ
เมืองใหญ่ก็ชอบ แต่ชอบถนนเล็กๆค่ะ แบบลอนดอน โตเกียว
แต่ไม่ชอบชิคาโก เพราะมัน large scale city อะ
แต่พอแต่งงานแล้วกลับชอบชานเมืองนะคะ อย่างตอนนี้ถ้าต้องกลับกทม.ก็คงไม่อยากไปเดินสยาม นั่งรถไฟฟ้า ไรงี้แล้วอะ อยากทำงานใกล้ๆบ้านมากกว่า
Always a great fun to visit such a lovely "Windy City". Magnificent Mile is certainly magnificent, and the weather is just wonderful around this time of the year. Chicago is certainly on my list of favorite Big City to visit again. The Cubs Rule!
บอกคริส นะ อย่าลืมมาดู Red sox นะถ้ามาแถบนี้
ขอบคุณมาก ๆ นะครับ สำหรับบทความดีๆ
Post a Comment