แอ่วเชียงใหม่ (2)

วันรุ่งขึ้นทานข้าวเช้าที่โรงแรมเสร็จก็ไปไหว้พระในตัวเมืองเชียงใหม่กัน

เริ่มจากวัดแรกก็คือวัดพระสิงห์ ดูรูปพร้อมคำบรรยายได้ข้างล่าง

วัดพระสิงห์

จากนั้นก็ไปวัดพระเจดีย์หลวง

วัดพระเจดีย์หลวง

วัดบุปผาราม

วัดบุปผาราม

ปิดท้ายด้วยวัดอู่ทรายคำที่มีพระแกะจากหยกหลายองค์รวมทั้งพระสังกัจจายน์ด้วยที่พ่อกับแม่บอกว่าต้องไปไหว้ให้ได้เพราะมีคนมาไหว้ขอลูกกันเยอะ ฮ่าๆ อ้อมกับคริสก็ขอนะคะ แต่ท่านจะให้มีเมื่อไหร่นี่ต้องดูกันต่อไป

อิ่มบุญกันเรียบร้อยแล้วต่อไปก็ต้องหาข้าวกลางวันทานกันให้อิ่มท้อง มื้อนี้คุณพ่อน้องฮงจัดการให้ไปทานติ่มซำที่โรงแรมเชียงใหม่ออร์คิดที่พักอยู่นั่นแหละ กลางวันเป็นบุฟเฟ่ต์ติ่มซำที่ปิดท้ายด้วยราดหน้าปลา แต่เนื่องจากว่าแม่ทานกุ้งทานปูไม่ได้ คริสทานได้แต่ไม่ทานอาหารทะเลและปลา (แฟนใครไม่รู้ ไม่ฉลาดเรื่องกิน ไม่รู้จักของดีเอาซะเลย)ก็เลยสั่งติ่มซำเป็นเข่งๆมาแทนกับทานราดหน้าหมูปิดท้ายแทนราดหน้าปลา ขอบอกว่าของเขาอร่อยสมกับที่โฆษณาว่าอร่อยที่สุดในเชียงใหม่จริงๆ ติ่มซำอร่อยทุกอย่าง ซาละเปา จีบหมู จีบกู้ง จีบปู ฮะเก๋า สาหร่าย ป่อเปี๊ยะทอด ที่อ้อมชอบมากที่สุดก็คือกุ้ยช่ายทอด กรอบนอกนุ่มในมีกุ้งข้างในด้วย แม่เลยอดทานเลยแต่ไปชดเชยกับก๋วยเตี๋ยวหลอดแทน อร่อยทุกไส้ อยากทานอีกจริงๆ เสียดายไม่ได้ถ่ายรูปมาแฮะ มื้อนี้อ้อมกับพ่ออร่อยกว่าคนอื่นเพราะทานได้ทุกอย่าง อิอิ อ้อ ทานกันจนเสร็จแล้วถึงได้รู้ว่ามื้อนี้ฟรี ขอบคุณคุณพ่อน้องฮงอีกรอบค่ะ (-/\-)

ทานเสร็จไปเดินย่อยที่ร้านขายเครื่องเงิน อยู่นอกเมืองออกไปทางสันกำแพง ก็ช็อปกันพอหอมปากหอมคอ อ้อมได้ตุ้มหูมาหกคู่ ฮ่าๆ เสร็จแล้วก็กลับโรงแรมพักสายตาสักนิด ตกเย็นออกไปทานข้าวอีกแล้วค่ะ จองโต๊ะไว้ที่ร้านผาลาดตะวันรอน ร้านดังของเชียงใหม่ขึ้นชื่อเรื่องวิวสวย

ไปถึงนั่งโต๊ะได้แป๊บ อ้อมก็ลุกไปถ่ายรูปวิว ก็เดินตามป้ายที่เขาเขียนว่าจุดชมวิวไปเรื่อย อ๊ะจ๊าก ไหงมันพาเข้าห้องน้ำอ่ะ พอเดินเข้าไปถึงได้เห็นว่าสุดห้องน้ำจะมีระเบียงดูวิว อิอิ ก็เก๋ดี แต่ เอ...ถ้าห้องน้ำแน่นๆคนเข้าเยอะๆ กลิ่นมันจะโชยออกมารบกวนคนกำลังอินกับวิวมั้ยเนี่ย

หลังจากนั้นก็หม่ำกันค่ะ ไม่ประทับใจกับเมนูเขาเท่าไหร่เพราะ หนึ่ง อาหารแต่ละอย่างหาทานได้ที่กรุงเทพฯ คือไปนั่งที่ร้านไหนในกทม.ก็หาทานได้แบบนี้แหละ รู้สึกเขาไม่เน้นอาหารพื้นเมืองนัก สอง ราคาแพงอ่ะ แต่อย่างว่าเขาขายบรรยากาศมากกว่า พอค่ำก็จุดตะเกียง แล้วก็มีนักร้องเพลงโฟล์คมาดีดกีตาร์ร้องเพลงตามโต๊ะ ร้องเพลงจรัล มโนเพ็ชรด้วย แต่อ้อมว่าใครร้องก็ไม่เพราะเท่าต้นฉบับนะ

วิวตัวเมืองเชียงใหม่ตอนกลางคืน

ทานเสร็จกลับโรงแรม อ้อมกับคริสไปเดินเล่นที่ตลาดนัดที่กาดสวนแก้วข้างโรงแรมซะหน่อย ชอบจริงๆตลาดอย่างนี้ จริงๆอยากไปถนนคนเดินแต่มันมีแต่มันเสาร์อาทิตย์ แล้วกลับกันวันเสาร์เช้าก็เลยอดเลย ตลาดนี้เขาเรียกกาดอะไรมืดๆซักอย่าง จุดเทียนขายของกัน คือจริงๆอ้อมเดินซื้อของส่วนคริสไปนวดเท้าหน้าห้างอ่ะ

วันรุ่งขึ้นตื่นเช้านิดนึง ทานข้าวเช้ากันเสร็จก็เช็คเอาท์เก็บของออกเดินทางกลับบ้านค่ะ ถ่ายรูปกับสามล้อโชว์หน้าโรงแรมซักหน่อย

ออกจากเชียงใหม่ก็มาแวะลำปางซื้อของ(อีกแล้ว)ที่ Indra Outlet อ้อมกับคริสเดินวนไปวนมาอยู่สองชั่วโมง กว่าจะเลือกได้ว่าซื้ออะไรมั่ง เพราะมันน่าซื้อไปหมดจริงๆเลย ถ้ามันขนกลับมาที่อเมริกาได้ง่ายๆคงซื้อเยอะกว่านี้อีก

เด็ดสุดปิดท้ายทริปนี้ก็นี่เลย ข้าวหลามที่นครสวรรค์ พ่อพาแวะเข้าไปซื้อ สุดยอดดดดดดดดดดดดด ไม่หวานไม่แฉะเกินไป คริสชอบมากๆ

ซื้อกลับมาบ้านด้วยแต่ไม่กี่กระบอก วันรุ่งขึ้นคริสตื่นมาก็ถามหาทันทีเพราะอยากทานอีก ปรากฏว่าพ่อหม่ำไปเรียบร้อยแล้ว ฮ่าๆ จ๋มน้ำหน้าอยากตื่นสายเอง

ทั้งคริสและอ้อมประทับใจทริปนี้มากๆค่ะ ก็พ่อกับแม่พาเที่ยวเองนี่นา ขอบคุณมากค่ะ กลับบ้านคราวหน้าให้พ่อกับแม่วางแผนพาไปเที่ยวอีกดีกว่า นะคะนะคะ (อันนี้อ้อนแม่กับพ่อ)

แถมท้ายด้วยบรรดาของฝากพ่อกับแม่คริสที่ซื้อมาจากเชียงใหม่ เขาเอามาตั้งโชว์บ้างแล้ว

แจกันไม้มะม่วงจากบ้านถวาย เข้ากับตะกร้าสานของพื้นบ้านโอไฮโอดีแฮะ

กรอบดีบุกตีเป็นรูปสิบสองนักษัตรซื้อจากร้านเครื่องเงิน อันนี้ให้เขายืมแขวนไปก่อนเพราะคริสชอบมากๆ อุตส่าห์ทะนุถนอมถือขึ้นเครื่องกันมาเอง แต่เท่าทีดูคงจะให้พ่อกับแม่คริสเขาไว้แหละเพราะแขวนที่บ้านนี้แล้วดูดีเชียว ขนาดก็พอดีเป๊ะเลย

แจกันเพ้นท์มือเป็นลายผ้าจากร้านเซรามิคส์ที่ลำปาง ตั้งบนโต๊ะกินข้าวใน dining room ที่เอาไว้โชว์อย่างเดียว

พูดถึงของไทยๆในบ้านนี้ก็มีอย่างอื่นอีกนะ เช่นเครื่องเบญจรงค์ที่คริสซื้อไว้ตั้งแต่ไปเมืองไทยใหม่ๆแล้ว โชว์อย่างเดียวอีกเหมือนกัน

หรือปลอกหมอนไทยๆ

จบเท่านี้แหละจ้า โพสต์หน้าพาไปกินกุ้งแม่น้ำที่อยุธยา อิอิ