Hawaii Trip: Part 2
เดินไปจนถึงส่วนที่เขาสร้างคล้ยๆเป็นสะพานปลาที่ยื่นลงไปในทะเล เรียกว่า The Wall หาดช่วงนี้จะมีคนมาเล่น boogie board กันเยอะ วันนั้นคลื่นก็แรงดีซะด้วย สูง 2-4 ฟุตได้มั้ง คริสเดินออกไปดูตาละห้อย อยากลงน้ำแต่ยังไม่มีบอร์ด
งานนี้ก็เลยต้องรีบหาบอร์ดค่ะ ต้องไปร้านที่อยู่ไกลออกไปหน่อย ต้องนั่งรถเมล์ไปก็เลยไปเอาตารางรถเมล์มาดู คริสก็บอกว่าอะ จะมีมาคันนึงในอีกครึ่งชม. ก็เลยไปหาอะไรทานที่สตาร์บัคส์ (ซึ่งมีอยู่ทุกหัวมุมถนนได้มั้ง) รอจนได้เวลาก็เดินไปที่ป้ายรถเมล์ นั่งรอไปซักพัก คือปกติรถเมล์ที่นี่จะสายอยู่แล้ว ซักห้านาทีนี่เรื่องปกติ แต่คราวนี้ เอ ไม่มาซักทีดูตารางใหม่ อ้าว วันนี้วันเสาร์ รถวิ่งน้อยกว่าปกติ ที่ดูเมื่อกี้มันของวันธรรมดา ก็เลยเอาวะ เดินกันไปก่อนละกัน รถเมล์มาเมื่อไหร่ค่อยขึ้น ก็เริ่มออกเดินกัน ตอนนั้นแดดก็ร้อนแล้ว เดินไปก็คอยดูข้างหลังไปด้วย เผื่อรถเมล์มาจะได้วิ่งไปขึ้นที่ป้ายทัน เดินกันไปสักสิบห้านาทีก็ยังไม่เห็นรถเมล์ซักคัน จนไปถึงร้าน Leonard's ชื่อดังที่ขายโดนัทโปรตุเกส (เรียกว่า malasada) ร้านนี้อยู่บนถนน Kapahulu ถนนเส้นนี้มีร้านอาหารดังๆ ราคาไม่แพงอยู่หลายร้าน ใครจะมาฮาวายแนะนำให้มาที่ถนนเส้นนี้ ดีกว่าอยู่แต่ในไวกิกิเยอะ อ้อมเองเล็งไว้อยู่แล้วว่ามาถึงนี่ต้องกินโดนัทร้านนี้ให้ได้ก็เลยแวะซะเลย
ซื้อแบบธรรมดามา 3 ก้อน กับแบบใหม่ใส้คัสตาร์ดหนึ่งและช็อกโกแล็ตสอง ต่อคิวอยู่นานเหมือนกัน ร้านนี้จะเป็นร้านแบบเก่าๆหน่อย ไม่มีการตกแต่งแฟนซีอะไร เหมือนร้านเบเกอรี่ในตลาดบ้านเรานั่นแหละ เค้กก็หน้าตาธรรมดาๆ ราคาไม่แพง ชอบๆ
เดินกันไปเรื่อยๆ รถเมล์ไม่มาอยู่ดี สรุปเลยเดินกันจนถึงร้าน boogie board ใช้เวลาประมาณ 40 นาทีได้ เหนื่อยชิบป๋ง เดินไปก็บ่นกันไปว่า ทำไมเมื่อก่อนเดินได้เดินดี แต่ตอนนี้มันเหนื่อยจัง ไปถึงร้าน ร้านยังไม่เปิดค่ะ! ต้องนั่งรออีกครึ่งชม. คริสปวดฉี่ก็ต้องเดินหาห้องน้ำอีก แล้วปั๊มที่นี่มันคล้ายๆบ้านเราคือไม่มีห้องน้ำให้ใช้เหมือนปั๊มในอเมริกาทั่วๆไป กว่าจะเดินหาที่ให้คริสเข้าห้องน้ำได้อ้อมก็หงุดหงิด บอกไม่เดินแล้วนะ แล้วอ้อมก็ไปนั่งรอที่ป้ายรถเมล์ร่มๆ กินมาลาซาดาไปหนึ่งก้อน อารมณ์ดีขึ้นมาหน่อย หิหิ หอมนุ่มที่สุด นั่งรอจนร้านเปิด คริสซื้อบอร์ดเสร็จ ก็ออกมานั่งรอรถเมล์กลับ อ้อมเห็นร้านซูชิที่เคยซื้อทานก็เลยขอแวะหน่อย ซื้อใส่กล่องกลับมาทาน สั่งเสร็จก็ต้องคอยเล็งดูที่ป้ายรถเมล์ไปด้วยว่ารถเมล์มารึยัง ซื้อเสร็จปุ๊บรถมาพอดี เดี๋ยวนี้รถเมล์ราคาเที่ยวละตั้ง $2 แต่สามารถขอใบ transfer มาใช้ขึ้นต่อได้อีกหนึ่งครั้งในเวลาที่กำหนด อ้อมกับคริสก็ต้องต่ออีกสายเพื่อกลับไปไวกิกิ พอกลับไปถึงโรงแรมก็คุยกับทางฟร้อนท์เดสก์เรื่องอัพเกรดห้อง เขาก็เช็คให้แล้วบอกว่ามีห้องว่างบ่ายนี้ แต่ต้องเสียเพิ่มคืนละ $20 ได้เป็นห้อง city view/kitchenette ก็โอเคแต่ขอดูห้องก่อนละกัน แล้วอ้อมกับคริสก็เปลี่ยนชุดกันเดินไปที่ The Wall (เดินอีกสิบห้านาที วันนี้เดินมาราธอนมาก)ให้คริสได้ออกไปโต้คลื่น ส่วนอ้อมก็นอนอาบแดด ดูผู้คน(ไม่ค่อยมีหนุ่มๆเท่าไหร่เลย) หม่ำซูชิที่ซื้อมา แฮปปี้มากเจ้าค่ะ
ทรายที่ไวกิกิไม่ขาวสวยเหมือนบ้านเราเลยเนอะ จริงๆน้ำทะเลหาดนี้ก็สกปรกด้วย พอคริสโต้คลื่นเสร็จก็แฮปปี้บอกว่าคุ้มๆๆ เออก็ดีไป เหนื่อยชิบป๋งกว่าจะได้บอร์ด แพงด้วย
กลับไปโรงแรมก็ไปดูห้องที่เขามีให้เปลี่ยน โอเคเลย ห้องกว้างกว่าเดิม ระเบียงก็ใหญ่กว่า อยู่บนชั้นสิบสอง ลมดี วิวก็ใช้ได้ เห็นตึกต่างๆ และ เสี้ยวๆของ Diamond Head นิด เสี้ยวทะเลหน่อย แต่ดีกว่าวิวที่ทิ้งขยะเยอะ ก็เลยเก็บกระเป๋า ย้ายห้อง
จัดของเสร็จก็ออกมาเดินเล่นกันอีก หาข้าวเย็นทาน อ้อมอยากทานราเมน ก็เลยเข้าร้านที่ดูเหมือนจะดี
เกี๊ยวซ่าอร่อยดี แต่บะหมี่งั้นๆมาก แถมแพงค่ะ แพง กินเสร็จออกมาซื้อเบียร์ไปนั่งดื่มชมวิวที่ระเบียงกันต่อ จนง่วงก็เข้านอน
----จบวันที่สอง----
5 comments:
ตามอ่านอยู่นะคะพี่อ้อม...เล่าได้เห็นบรรยากาศมากๆเลยค่ะ อิอิ....มองไปมองมาคล้ายบรรยากาศพัทยาเลย...แต่สวยกว่า
อาหารด้านล่างน่าหม่ำค่ะ
เดี๋ยวตามมาอ่านต่อนะคะ
เจเจ
้
อ้อม สามารถเดินมากๆเลย อ่านแล้ว หูย เหนื่อยแทนเลยนับถือจริงๆ แต่โดนัทน่ากินจังเลยอ่ะ
รูปสวย บรรยากาศโรแมนติคคะพี่อ้อม สงสัยป่องกลับมาไหมเนี้ย :)
เฮ้อๆๆๆๆพออ่านรายการวันที่สองเหนื่อยอีกแล้วเพราะทั้งเดินและทานทุกครั้งที่หยุดเดิน แต่เอาละเดินมากทานมากคงจะสมดุลย์กันเนอะ จากแม่ที่เกรงว่าจะมีลูกสาวที่ตุ้ยนุ้ยเกินไป ยังไงก็ตามทั้งขนม และ สถานที่น่าดูและน่ากิน(มาก)อยากไปอยู่ด้วยจัง
ทริปนี้หรรษาขาบริโภคจริงๆเลยอ้อม ฮ่าฮ่าฮ่า
ว้ายๆ ล้อเล่นนะล้อเล่น แหม ขาเดินเยอะ ก็ต้องบริโภคเยอะตามเป็นเรื่องธรรมดาสิเนาะ
คนที่ทำงานพี่ก็เพิ่งไปฮาวายมา อืมมม ยั่วกันเข้าไป งึ่มงั่มๆ
Post a Comment