Friday, September 29
ช็อปอีกแล้ว -_-"
จบเรื่องอาหาร มาเรื่องโปรดอีกเรื่อง ช็อปปิ้งงงงงงงงงงงงงงง เริ่มจากเมื่อวันอังคาร อ้อมขอให้คริสมารับอ้อมไปหย่อนไว้ที่มอลล์แถวๆโรงแรมทางผ่านไปแท้งค์หน่อย จริงๆมันก็มีไม่กี่ร้าน แต่อ้อมก็ขอให้ได้ออกจากห้องบ้างแหละ อ้อมก็ไปเดินที่ Target ซื้อแชมพูแก้หนังหัวลอกมาขวดนึงกับผงน้ำเกลือแร่ให้คริส (คริสไม่ชอบดื่มน้ำเปล่า อ้อมก็ไม่รู้ว่าพ่อคุณจะดื่มไปทำไม ไอ้เกเตอเรตเนี่ย ออกกำลังก็ไม่ได้ออก ใช่ว่าจะสูญเสียเกลือแร่อะไรมากมาย แต่ก็เอานะ ดีว่าดื่มน้ำอัดลม... เอ ทำไมวันนี้มาแบบคนแก่ขี้บ่นงี้ก็ไม่รู้)
เสร็จแล้วก็ไปเดิน Marshall's เล็งๆเข็มขัดเส้นใหญ่ๆเอาไว้ ไม่ไหวแฮะ ยังแพงอยู่ ไม่ใช่หนังแท้ด้วย ตัดใจไม่เอา ท่องเอาไว้ วันนี้จะเป็นคนดี วันนี้จะเป็นคนดี
จากนั้นก็ไปร้าน Old Navy เดินๆดูไป อืม cargo pants ลดเหลือ $25 ยังไม่ถูกเท่าไหร่ (งกมั้ย?)แต่อยากลอง ก็เลยคว้ากางเกงมาลองสามตัว มีกางเกงยีนส์ลูกฟูกขาสอบด้วย กับเสื้ออีกตัวนึง ลองกางเกงแล้ว เฮ้ย มันหลวมหมดเลยเว้ย คือคว้าแต่เบอร์ 1 มา เพราะครั้งหลังสุดที่ลองของร้านนี้ เบอร์ 0 เล็กไปมาก (ตอนนั้นสลดไป ไม่ซื้ออะไรเลย)โฮะๆๆๆๆๆ กางเกงใส่ไม่ได้ ไม่เป็นไร ไอ้อ้อมดีใจที่กลับไปใส่เบอร์ 0 ได้แล้วมากกว่า ฮ่าๆๆๆๆ ก็เลยช่างมัน ขี้เกียจขอให้คนขายหาเบอร์ 0 มาให้ เพราะยังไม่ได้อยากได้มากอยู่ดี หันไปลองเสื้อแทน ตัวนี้ผิดสไตล์มาก เป็นแขนตุ๊กตาด้วย แต่เห็นมันลดกระหน่ำเหลือ $7 เท่านั้น เป็นผ้าไหมจีน มีดีเทลพอสมควร ลูกไม้ดูชี้พไปหน่อย แต่ราคานี้ ของร้านนี้ก็งี้แหละ ใส่ดูก็เออ ดูหวานๆดี เอาไว้ใส่ทับเสื้อกล้ามหรือเสื้อสายเดี่ยว เผื่อคุณคริสจะใจดีพาไปทานดินเนอร์ใต้แสงเทียนร้านหรูๆมั่งวะ (อันนี้คงยาก แต่พยายามหาข้ออ้างในการซื้อ)หรือไม่งั้นก็เอาไว้ใส่ตอนไปเมืองไทย เดินเมืองกรุง ฟ้าอมรบ้านเรา หมาคงไม่ไล่กัด ไม่เหมือนเดินตามห้างบ้านนอกที่โอไฮโอ(คิดไกลมั้ย ยังไม่รู้จะกลับเมื่อไหร่เลย)หาข้ออ้างให้ตัวเองเสร็จสรรพ ก็ซื้อมา
ตัวเสื้อมันจะลอยๆหน่อย สั้นประมาณครึ่งตัว ในรูปเห็นไม่ชัดเท่าไหร่ เป็นไหมสีน้ำตาล มีพลีทข้างหน้า แล้วก็เป็นเส้นผูก ไม่มีกระดุม อ้อมโชว์ให้คริสดู คริสถามจะใส่แค่นี้เหรอ อ้อมบอก อืมใช่ กำลังฮิต ฮ่าๆ แล้วก็บอกเปล่า ต้องมีตัวข้างในสิ แหม
พอมาเมื่อวานนี้ คริสไม่ได้ทำงานเพราะฝนตกตลอดวันเลย ก็เลยไปเดินอีกห้างนึง คืออ้อมอยากไปร้าน H&M อีก คราวนี้ไปอีกที่นึง กะไปดูโค้ทยาวที่อยากได้อีกรอบ เผื้อร้านนี้จะมีเบอร์ ปรากฏว่าตัวสีเขียวที่เคยอยากได้ไม่มี แต่ไปติดใจอีกตัวซึ่งแพงกว่า จับๆลองๆแล้วก็ทำใจวางไป คริสก็ถามว่าอยากได้เหรอ อ้อมก็บอก ก็อยากแต่มันแพง คริสบอกก็ซื้อไปเหอะ เงินที่ได้มาวันเกิดยังเหลืออยู่ ฮ่ะๆ หวานหมูตรู ซื้อตัวนี้เสร็จ งบหมดแล้วจริงๆ ไม่มีข้ออ้างให้ช็อปอีกแล้ว
โค้ทเป็นผ้าทวี้ต สีขาวดำเทา แต่ในรูปมันออกฟ้า ยาวเหนือเข่า
สรุปหน้าหนาวนี้ได้เสื้อครบทุกโอกาสแล้ว มีแจ็คเก็ตสั้น โค้ทยาว และเสื้อแหนม (แบบพองๆ) เอามาแทนตัวเก่าที่ใช้มาตั้งแต่อยู่อิลินอยส์นะ (น่าน...ยังแก้ต่างให้ตัวเองอยู่)
Tuesday, September 26
English Muffin and Microbrewery Tour

ขั้นแรกก็คือทำ scrambled egg ก่อน ไข่หนึ่งฟองต่อหนึ่งมัฟฟิน ทำไข่คนให้อร่อยต้องใส่นมเยอะหน่อย ไข่จะได้ออกมาแฉะๆไม่แห้งแข็ง และใช้ไฟอ่อน ค่อยๆคนไปเรื่อยๆ พอใกล้จะแห้งหน่อยก็ปิดไฟเลย อ้อมโรยพริกไทยหน่อย แล้วก็โปะชีสบนไข่ไว้ ชีสจะได้ละลายเล็กน้อยเวลาเอามาใส่มัฟฟิน ระหว่างที่ทำไข่คนก็เอามัฟฟินเข้าเครื่องปิ้งขนมปังเลย พอร้อนเด้งออกมาก็ทาเนยซักนิด ตักไข่และชีสวางบนมัฟฟิน ใส่เนื้อ turkey ที่คล้ายแฮมไปหน่อย (เป็น lunch meat สำหรับทำแซนด์วิช)ประกบมัฟฟิน เสร็จแล้ว อ้อมให้คริสทานอันเดียวพอ แต่ทานโยเกิร์ตกับน้ำส้มคั้นด้วย เมนูนี้คาลอรี่คงไม่น้อยหรอก แต่อ้อมก็ใช้ whole wheat muffin กับ low fat turkey ยังไงก็ดีต่อสุขภาพกว่าของแม็คโดนัลด์หรือเบอร์เกอร์คิงนะ
หลังจากทานอาหารเช้ากันเสร็จ ก็เอ้อระเหย คิดกันว่าจะทำอะไรดี คริสอยากดูหนังเรื่อง Flyboys แต่อ้อมเฉยๆ แหะๆ คือจริงๆดูก็ได้ ชอบดูหนังอยู่แล้ว ถึงไม่อยากดูเรื่องนี้ก็คงต้องดูเพราะตอนที่ไปดู Brokeback Mountains คริสก็ไม่ได้อยากดูเล้ย แต่อ้อมก็ลากคริสไปจนได้ คราวนี้ก็คงต้องตามใจคริสบ้าง จะได้เจ๊ากันไป แต่อ้อมไปอ่านเจอในวารสารแนะนำเที่ยวของที่นี่ว่ามีทัวร์ชม microbrewery ไม่ไกลจากโรงแรมมาก ฟรีด้วย คริสก็บอกตามใจ ไว้ดูหนังกันวันหลังก็ได้ เพราะโรงหนังอยู่ใกล้โรงแรมนิดเดียวเอง อ้อมบอกทำสองอย่างเลยก็ได้ พ่อคุณรีบบอก ไม่เอา เหนื่อย อะไรฟะ ตื่นขึ้นมาไม่เท่าไหร่ก็เหนื่อยซะแล้ว (กิจกรรมชวนเหนื่อยก็ไม่ได้ทำ อิอิ) ค้อนกลับไปหนึ่งวง สรุปไปทัวร์โรงเบียร์อย่างเดียว ก่อนไปก็ทานพาสต้าที่เหลือจากดินเนอร์วันเสาร์เป็นอาหารกลางวันกันซะก่อน อิ่มหนำสำราญแล้วก็ออกเดินทาง
วันนั้นลมแรงมากๆๆ แต่ฟ้าใส อากาศไม่ร้อนไม่หนาว กำลังสบายเลย ใบไม้เริ่มเปลี่ยนสีบ้างแล้ว ขับรถไปสักครึ่งชม.นิดๆก็ถึงที่ Custom Brewcrafters เป็นโรงเบียร์เล็กๆ ที่ทำเบียร์ส่งร้านอาหารต่างๆแถบนี้ ที่นี่พิเศษกว่าที่อื่นก็คือเขาปรุงเบียร์ตามร้านอาหารสั่ง และ เบียร์ที่ได้ก็ขายเฉพาะที่ร้านนั้นๆเท่านั้น ไม่มีเอามาขายปลีกเป็นขวดเอง
ไปถึงก็ชิมเบียร์เล็กน้อย แล้วก็ไปทัวร์โรงเบียร์ ซึ่งจริงๆก็ไม่มีอะไรมาก ทุกอย่างอยู่ในตึกชั้นเดียวเล็กๆ มีคนบรรยายให้ฟังถึงกระบวนการทำเบียร์
เริ่มมาจากเอาธัญพืช (grain)ต่างๆ ที่เห็นเป็นกระสอบๆมาบดให้ละเอียด
grain ต่างๆมีหลายรส หลายกลิ่น
การที่เบียร์มีรสต่างๆส่วนหนึ่งก็มาจาก grain เหล่านี้ แต่ละสูตรก็มีสัดส่วนการใส่ grain ต่างๆไม่เท่ากัน เช่น มีเบียร์ที่เขาให้ชิมชนิดหนึ่ง มีกลิ่นกาแฟ ก็มาจาก grain กลิ่นช็อคโกแล็ตที่เห็นข้างบน
บดเสร็จก็เอามาต้มในหม้อต้ม แล้วก็กรอง อ้อมบอกคริสว่า อ้าวอย่างนี้ เบียร์ก็ดีต่อสุขภาพอ่ะดิ เห็นใช้แต่ whole grain ทั้งนั้น คริสบอกคิดได้ไงเนี่ย ไม้พายสีเหลืองที่เห็นในรูป คือไม้พายเรือจริงๆที่เขาใช้คนในหม้อต้ม
เสร็จแล้วก็เอามาหมัก ใส่ยีสต์ และ ฮ้อบส์ที่เป็นตัวทำให้เบียร์ขม
บ่มได้ที่ก็อัดลม แล้วก็กรอกใส่ถังที่เห็น เรียกว่า keg ส่งร้านอาหาร หรือลูกค้าทั่วๆไปที่มาเหมาเป็น keg ได้เวลามีปาร์ตี้ใหญ่ๆ
ทัวร๋จบก็มาชิมเบียร์ต่อ ที่เขามีให้ชิมและซื้อกลับบ้านได้มีเจ็ดอย่าง ชิมไปหมดทุกอย่างเลย อิอิ แต่แก้วจิ๋วเดียวนะ ชอบอย่างแรกที่สุด รสออกมันๆ ไม่ขมหรือเปรี้ยวติดปาก
สรุปก็เลยซื้อเบียร์และรู้ทเบียร์กันมาสองขวดใหญ่ คือเขาไม่มีบรรจุขายเป็นขวดเล็กๆ ก็เลยซื้อตัวขวดขนาดครึ่งแกลลอนที่เห็นนี่ด้วย ดื่มหมดเมื่อไหร่ เอาไปเติมรีฟิลได้ถูกกว่าเดิม อ้อมว่าขวดเขาก็สวยดี เก็บเป็นที่ระลึกได้ ใบละ $3 เอง ถามแล้วคนขายบอกว่าเบียร์เก็บได้เดือนกว่า จนป่านนี้ยังไม่ได้เปิดเบียร์ดื่มเลย แต่รู้ทเบียร์เกือบหมดแล้ว หวานหอมเชียว
Monday, September 25
อาหารการกิน
ได้โอกาสเอารูปมาลงเครื่องแล้วค่า ไม่มีอะไรมากนอกจากอาหารการกิน ดูไปเป็นรูปๆละกัน
เนื้อม้วน สูตรจากบอร์ดอังเคิลแซม คริสชอบมากๆ
ตับทอดกระเทียมพริกไทย อ้อมซื้อของในซุปเปอร์มาร์เก็ตที่นี่แล้วเจอตับขายเป็นแพ็คเลย ก็เลยซื้อมาลองทำดู หมักกับซีอิ๊ว น้ำมันหอย กระเทียม พริกไทย แถมใส่นมลงไปด้วย กะให้ทอดแล้วมีน้ำขลุกขลิก หน้าตาดูไม่น่านเทาไหร่ แต่ก็อร่อยดี
เมนูสิ้นคิดอีกหนึ่งเมนู หมูก้อนกับผัดผัก คริสชอบทานกับซอสพริก
เมื่อเย็นวันเสาร์ออกไปทานข้าวเย็นข้างนอกกันหลังจากออกไปซักผ้าจ่ายกับข้าวกันเรียบร้อยแล้ว ร้านที่ไปทานเป็นร้านอาหารอิตาเลียน อยู่ไม่ไกลจากโรงแรมเท่าไหร่
อยู่ติดปากอ่าวทะเลสาปด้วย ถ้าจำไม่ผิดอ่าวนี้เรียกว่า Irondequoit Bay (อ่านว่า ไอ-รอน-เดอ-คอยท์)
มีเรือจอดเต็มเลย เสียดายมาก ถ้าได้มาตั้งแต่หน้าร้อนคงได้เช่าเรือขับเที่ยวในอ่าวบ้าง นี่เริ่มหนาวแล้ว อดเลย แถมคริสก็ทำงานทุกวันยกเว้นวันฝนตกอีกต่างหาก สรุปว่าถ้าวันไหนอากาศดี อ้อมหงอยอยู่ในห้อง ถ้าอากาศไม่ดีก็หงอยกันสองคนกับคริสในห้อง แต่จริงๆเย็นวันนั้นอากาศก็โอเคเลย ฟ้าเปิดแล้วหลังจากฝนตกตอนเช้าถึงบ่าย
หนุ่มอืด เฮ่อ คริสอ้วนมากๆเลย ดูเป็นแป๊ะยิ้ม(แต่มีเครา)
อ้อมก็หน้าบาน ผมฟูซะ
ดูแก้วน้ำกันไปก่อน โต๊ะที่อ้อมนั่งอยู่ติดกับโต๊ะวัยรุ่นโต๊ะใหญ่ที่มาเลี้ยงฉลองวันเกิดกัน เสียงดังมากๆ น่ารำคาญ ลุงกับป้าอย่างเราได้แต่บ่นกันเองว่าเราแก่แล้วก็เป็นอย่างนี้แหละ พวกวัยรุ่นเขาพลังเยอะ
สั่งอาหารกันคนละจาน คริสขยับจะสั่งแอพเพอไทเซอร์ด้วย อารมณ์หิวหน้ามืด เห็นช้างเท่าหมูอีกแล้ว อ้อมบอกอย่าเลย ท่าจะจานใหญ่ แถมมีสลัดให้อยู่แล้วด้วย ดีแล้วที่ไม่สั่ง เพราะสลัดมาเป็นชามอ่างเลย ทานกันไม่หมด
จานนี้ของอ้อมลิงกวินี่กับหอยลายซอสขาว อร่อยๆๆ ซอสไม่เลี่ยนด้วย หอยก็สดใช้ได้
คริสสั่งรายการเดิมๆ เนื้อลูกวัวอบกับชีส จานใหญ่มากกกกกกกกกกกก
สรุปสองคนทานกันไปได้ครึ่งเดียวที่เหลือห่อกลับบ้าน จะสั่งขนมต่อยังไม่ไหวเลย (แต่จริงๆอยากมาก)
เฮ่อ อินเตอร์เน็ตที่โรงแรมห่วยมากๆ ขึ้นอยู่กับว่ามีรถจอดอยู่ในลานจอดรถกี่คัน ถ้ามีรถกระบะจอดขวางออฟฟิสโรงแรมอยู่(ก็คืออยู่หน้าตัว router ส่งสัญญาณ) อินเตอร์เน็ตในห้องก็จะดับสนิท นี่อ้อมมานั่งอยู่ในห้องกาแฟที่ใกล้ออฟฟิสมากขึ้นก็ยังห่วยอยู่ ผีเข้าผีออกมาก เอาไว้เท่านี้ก่อนละกันค่ะ เดี๋ยวมาเขียนถึงกิจกรรมที่ทำวันอาทิตย์ต่อทีหลังFriday, September 22
แหม แหม แหม
คือจริงๆตั้งใจว่าจะเอารูปกับข้าวเมนูเดิมๆที่เคยทำนั่นแหละมาแปะให้ดูกัน แต่ว่าคริสเอากล้องติดไปทำงานเพื่อถ่ายรูปแท้งค์มาสองสามวันแล้ว เลยไม่ได้ทั้งถ่ายรูปใหม่และโหลดรูปที่มีอยู่แล้วลงเครื่องซักที วันก่อนทำผัดกระเพราเนื้อสับใส่ตับด้วย (จริงๆไม่มีกระเพราหรอก โหระพาก็ไม่มี เลยต้องใส่โหระพาอิตาเลียน sweet basil แทน ไม่หอมฉุนสะใจเลย) อารมณ์เหมือนสั่งข้าวกระเพราหมูตับที่โรงอาหารทาน ทอดไข่ดาวฟูๆแบบขอบเกรียมๆแต่ไข่แดงเป็นยางมะตูมโปะลงไปด้วย ทานกับน้ำปลาพริกมะนาว หูย อร่อยๆ ทำเสร็จจะถ่ายรูป อ้าว กล้องไม่อยู่
คริสบอกว่าเสาร์อาทิตย์นี้ไม่ต้องทำงาน ให้คิดว่าจะไปไหนดี ตอนแรกอ้อมบอกว่าไปดู winery กันมั้ย ขับรถชิมไวน์ แต่คริสบอกฝนจะตกนะ เขาเลยไม่ต้องทำงานไง เออ จริงด้วย งั้นก็ไม่รู้เหมือนกันเว้ย เลยบอกให้คริสเอาคู่มือเที่ยว Rochester ไปอ่านตอนรอคนงานวันนี้ด้วย ขี้เกียจคิดเองคนเดียวแล้ว สงสัยได้ไปมอลล์อีกแหงเลย ถ้าอากาศดีๆก็น่าจะไปปาร์คด้วย เมื่อวันอาทิตย์ที่แล้วขับรถหลงไปวนอยู่ในปาร์คปากอ่าวทะเลสาป สวยดีเหมือนกัน ถ้าใบไม้เปลี่ยนสีเต็มที่เมื่อไหร่ ต้องออกไปถ่ายรูปแน่นอน
ฝอยแบบไร้สาระพอแล้ววันนี้ ขอไปทำงานแปลต่อนะคะ เพื่อนๆทั้งหลาย ใครมีงานแปล งาน edit อะไรเหลือๆก็ส่งมาทางนี้บ้างก็ได้นะจ๊ะ เห็นใจคนว่างงานแต่ชอบช็อปหน่อย ภาษาปะกิดเท่านั้นนะ ภาษาฝรั่งเศสคืนครูบาอาจารย์ไปนานแล้ว
Wednesday, September 20
ว่าด้วยเรื่องการเมือง
ช่วงหลังที่ประเทศเราเริ่มแตกแยกกันมากขึ้น มีข่าวว่าทหารอาจจะทำรัฐประหาร อ้อมก็บอกกับคริสว่าไม่น่าจะเกิดขึ้น เพราะมันดูล้าหลังเหลือเกิน อ้อมไม่เคยคิดเลยว่าจะได้เห็นภาพรถถังออกมาวิ่งเพ่นพ่านตามถนนอีกแล้วในช่วงชีวิตนี้ แต่ก็ได้เห็นอีกจนได้เมื่อวาน ถามว่าดีใจมั้ยที่ท้ากสินพ้นตำแหน่ง ก็ดีใจนะ แต่ไม่ชอบวีธีนี้เลยจริงๆ ก็ขอให้เหตุการณ์ต่างๆดำเนินไปอย่างสงบอย่างนี้ไปเรื่อยๆจนกว่าคนไทยจะได้เลือกตั้งใหม่ แต่อ้อมก็ไม่หวังมากหรอกว่าการเมืองไทยจะพัฒนาไปได้ไกลจากการรัฐประหารครั้งนี้
อืม โพสต์นี้จะโดน ICT เซนเซอร์มั้ยเนี่ย อิอิ
Monday, September 18
Happy Birthday to Me...
เมื่อวานเป็นวันแรกที่แดดออกจริงๆตั้งแต่มานิวยอร์คนี่ อากาศอุ่นสบาย สดใสมาก แต่คริสต้องทำงาน!! คือถ้าอากาศดีเมื่อไหร่นี่ยิ่งต้องรีบให้คนงานทำงานใหญ่เลย เพราะตอนนี้ทำข้างนอกแท็งค์น้ำอยู่แต่ถ้าฝนตกเฉอะแฉะๆนี่ก็ไม่ได้ทำอะไรล่ะค่ะ พ่นสีไม่ได้ เพราะฉะนั้นเมื่อวานนี้อ้อมก็ต้องตื่นแต่เช้ามืดตอนตีห้าสี่สิบห้ามาทำหน้าที่ภรรยาที่ดี ต้มกาแฟ ทำ egg (Mac) muffin ให้คริสทานเป็นอาหารเช้า แต่มัฟฟินอ้อมเป็นแบบ healthy ดีต่อสุขภาพกว่าของแมคโดนัลด์นะ ใช้ whole wheat English muffin ปิ้งใส่ scrambled egg ชีสและ turkey เดี๋ยววันหลังถ้าไม่มึนขี้ตามากนัก จะถ่ายรูปมาให้ดู เสร็จแล้วก็ทำแซนด์วิชอีกสองคู่กะให้คริสแพ็คไปทานเป็นอาหารกลางวัน (ประหยัดและดีต่อสุขภาพ)แต่คริสไม่ได้เอาไปเพราะคิดว่าเดี๋ยวกลางวันจะหาเวลาแว่บกลับมาหา อ้อมก็ขอบอกว่า เออ งั้นตอนจะออกไปทำงานตอนบ่ายอ้อมขอติดรถไปเดินเล่นที่ห้างทางผ่านแล้วกัน แล้วคริสเสร็จงานค่อยมารับ คริสก็บอกเดี๋ยวโทรมาบอกละกันว่าจะเอายังไง อ้อมเองก็ไม่ได้อะไรอยู่แล้ว ขอให้ได้ออกไปข้างนอกบ้างเท่านั้นแหละ แล้วตอนเย็นค่อยไปหาอะไรอร่อยๆทานกัน
ปรากฏว่าคริสไม่ได้กลับมาตอนกลางวัน แถมยังใจดีซื้อพิซว่าเลี้ยงคนงานอีก อ้อมก็เลยอุ่นข้าวผัดไก่ที่ทำไว้วันก่อนทานคนเดียว หน้าตาน่ากินมั้ย หนักผักสุดๆ สีเหมือนข้าวผัดเด็ก
พอบ่ายสองคริสก็กลับมา เสร็จงานเร็ว เย้ คริสก็บอกจะพาไปมอลล์อีกที่ มอลล์นี้อ้อมก็เป็นคนเสิร์ชเจอเองแหละ เป็นมอลล์ใหญ่มีร้านที่มอลล์ที่ไปประจำที่โอไฮโอไม่มีหลายร้าน ก็เลยขับรถไปที่มอลล์นี้กัน ไม่ไกลเท่าไหร่ สิบกว่าไมล์เอง
ไปถึงอ้อมก็เข้าร้านโปรดที่เล็งไว้แล้วเลย H&M สวรรค์มากๆ ร้านใหญ่ของเพียบ ร้านนี้มาจากยุโรป ของดี คัทติ้งสวย ราคาไม่แพง แต่เสียอย่างของเซลส์ไม่ค่อยมี อ้อมก็เล็งๆโค้ทยาวไว้ตัวนึง เอาแจ็คเก็ตวูลมาลองอีกตัว ก่อนไปส่องกระจกดู คริสก็บอก cute อ้อมไปส่องดูเอง เออ สวยจริงด้วย คริสบอก อ้าวนี่ไม่เชื่อกันนี่หว่าตอนบอกว่า cute ฮ่าๆ ก็เชื่อไม่ค่อยได้นี่นาเห็นซื้อเสื้อให้เราแต่ละตัว ยังไม่เคยได้ใส่เลย นอกจากเป็นเสื้อยืดเอาไว้ใส่นอนกับใส่อยู่บ้าน อ้อมไปดูสเวตเตอร์ อุ๊ย สวยอีก คริสเห็นท่าจะใช้เวลานานก็เลยออกไปรอข้างนอก สุดท้ายอ้อมก็ซื้อแค่ที่คาดผมกับยางรัดผมมาก่อน ส่วนพวกเสื้อจะไปดูร้านอื่นก่อน
จากนั้นก็เดินในมอลล์ไปเรื่อยๆ เดินผ่านร้าน Godiva ก็คุยๆกันว่าน่าจะหาซื้อของหวานๆ เช่นช็อคโกแล็ต ติดห้องไว้บ้าง แต่ไม่เอาโกไดว่านะ เมินสุดฤทธิ์ แพงเกินคุณภาพช็อคโกแล็ตไป เดินไปเดินมาเจอร้าน Lindt ต้องเข้าค่ะ ต้องเข้า ยี่ห้อโปรด ไม่แพงหูฉี่และอร่อย คนขายใจดีให้ทรัฟเฟิลมาแซมเปิ้ลสองลูก อ้อมขอเป็น dark chocolate เขาบอกมีแต่ extra dark ได้มั้ย หูย ถามอะไรอย่างนี้ ได้สิคะ ยิ่งดาร์คยิ่งดี อ้อมไม่ได้ทาน milk chocolate นานแล้ว เพราะมันหวานไป พอทานลูกที่เขาให้มาชิมเท่านั้นแหละ เดินไปคว้าถุงดำๆที่เห็นในรูปข้างล่างหมับมากอดไว้ก่อนเลย เสร็จแล้วก็เห็นที่เป็นแท่งๆลดราคา ซื้อสามแถมหนึ่ง เอาอีก เป็นแท่งๆมันไม่แพง (ว่าแล้วก็อยากไปยุโรป แท่งแบบนี้หาได้ในซุปเปอร์มาร์เก็ต อร่อยทุกยี่ห้อ) คว้าแท่งๆมาชักเริ่มลังเล เอ ไอ้ถุงดำนี่มันแพงนะ บอกคริสว่าไม่เอาดีกว่า คริสคว้ามาวางที่เคาน์เตอร์ให้เลย บอกชอบก็ซื้อไปเถอะ สรุปเลยซื้อมาหมด ไม่รู้เมื่อไหร่จะทานหมด (ไม่น่านาน อิอิ)
เดินๆจนทั่วมอลล์ อยากได้ puffy vest ของร้าน Charlotte Russe ตัวนึง (เป็นเสื้อกั๊กพองๆ)แต่เปลี่ยนใจไม่เอาดีกว่า เพราะอยากได้โค้ทยาวที่ H&M มากกว่า จริงๆตอนแรกอยากซื้อทั้งสองตัวเลย แต่รู้สึกจะเยอะเกิน ก็เลยกลับมาที่ร้าน H&M ลองโค้ทยาวอีกที ใส่เบอร์เล็กสุดพอดีกว่าแฮะ แต่ดันไม่มีสีที่อยากได้ ก็เลยลองแจ็คเก็ตอีกที หูยมันพอดีแบบไม่เคยมีแจ็คเก็ตที่ไหนพอดีตัวอย่างนี้มาก่อนเลย เป็นวูลอุ่นด้วย ก็เลยเอาตัวนี้แทนโค้ท กะว่าสั้นๆอย่างนี้ก็ไว้ใส่แทน puffy vest ที่อยากได้ก็แล้วกัน ขจัดความอยากไปอีกหนึ่งอย่าง ตัวนี้ไม่แฟชั่นจ๋าเหมือน puffy vest ด้วย ใส่ได้นานกว่า
เนื่องจากแจ็คเก็ตมันถูกกว่าโค้ทก็เลยถือโอกาสไปสอยสเวตเตอร์มาอีกตัวกับเสื้อยืดสีดำอีกหนึ่งตัว สรุปออกมาหลายอยู่
ออกจากมอลล์มาทานอาหารญี่ปุ่นร้านใกล้ๆโรงแรม อ้อมสั่ง chirashi ข้าวหน้าปลาดิบ งั้นๆมากและแพง (แพงเป็นปกติของร้านญี่ปุ่นที่นี่ คืดถึงฮาวายจริงๆ)
คริสสั่งชุด tonkatsu หมูชุบแป้งทอดตามเคย กินไปบ่นไปว่ามันไม่อร่อยและแพง กะหล่ำฝอยรองใต้หมูทอดตามแบบฉบับก็ไม่มี ของอ้อมทำอร่อยกว่า หุหุ อ้อมบอกว่านึกถึงร้าน Zen ที่บางกอกเนอะ ชุดละ 120 บาทเอง ที่นี่ชุดละ $12.50
เนื่องจากราคาแพงก็กินกันจนหมดล่ะค่ะ เสร็จแล้วก็ไปซื้อของมาตุนไว้ในตู้เย็นที่ซุปเปอร์มาร์เก็ต กลับมาถึงที่ห้อง คริสเหนื่อยเชียว น่าสงสาร คริสบอกว่าหวังว่าอ้อมมีความสุขในวันเกิด อ้อมก็บอกมีสิ ได้อยู่ด้วยกันก็โอเคแล้ว และถ้าคราวหน้าอ้อมอยากซื้ออะไรอีกช่วยตบกระโหลกเตือนสติด้วยนะ แต่ เอ ถ้าได้รองเท้าอีกสักคู่กับเข็มขัดรัดเอวที่ตอนนี้ฮิตๆกันสักเส้นก็ดี ฮ่ะๆ
ปอลอ: ขอขอบคุณทุกๆคนที่อวยพรวันเกิดมาทั้งในบล็อกในเว็บบอร์ดและทางอีเมลนะคะ ขอให้ความปรารถนาดีที่ทุกคนให้อ้อมสะท้อนกลับไปหาทุกๆคนค่ะ
Friday, September 15
Cleveland National Airshow
หลังจากตอนเช้าวันอาทิตย์ ทานบลูเบอรี่แพนเค้กฝีมือแมรี่แอนกันแบบอิ่มหนำสำราญแล้วก็ออกเดินทางไปดาวน์ทาวน์คลีฟแลนด์ ตอนขับรถไปก็คอยลุ้นกันไปว่าฟ้าจะเปิดพอให้เครื่องบินบินโชว์ได้รึเปล่า ตอนไปถึงอากาศก็ยังขมุกขมัวมากๆเลย มีฝนลงปรอยๆด้วย แต่ก็โอเคซื้อตั๋วแสนแพงเข้างานเสร็จก็เดินเล่นดูเครื่องบินกัน คริสก็พาเด็กๆไปขึ้น flight simulator ของกองทัพเรืออเมริกัน งานนี้อ้อมไม่สู้ค่ะ ขี้เมา(อ๊ะๆ หมายถึงพวก motion sickness ทั้งหลาย)อย่างอ้อมนี่ ขึ้นไปเสร็จแน่ ก็เลยไปเดินดูถ่ายรูปเครื่องบินดีกว่า
เดินไปสักพักเหล่นักบินเท่ห์ๆได้พอประมาณ คริสกับหลานๆก็มาสมทบ ก็เดินดูเครื่องบินกันไปเรื่อยๆ จนหิวก็หาอะไรทานกัน เดินกันอยู่นานมากๆตั้งแต่ 11 โมงครึ่งจนบ่ายสามได้
ในที่สุดอากาศก็ดีขึ้น ฟ้าเปิดใสเชียว โชว์หลักๆก็เริ่ม มีกระโดดร่ม และเครื่องบินต่างๆบินโชว์ อ้อมก็ถ่ายรูปมั่งไม่ถ่ายมั่งไปตามเรื่อง (คือตอนที่ไม่ได้ถ่ายรูปนี่มัวแต่ห่วงกินอยู่)

เครื่องบิน F-16 เอ หรือ F-18 หว่า คริสชอบมากถ่ายรูปเองเลย

สไลด์โชว์ข้างบนนี้คือเครื่องบิน Fat Albert เป็นเครื่องใหญ่ที่ใช้บรรทุกอุปกรณ์ของ Blue Angels เห็นเครื่องใหญ่อย่างนี้เขาบินขึ้นแบบเร็วมากคือเทคออฟปุ๊บก็แทบจะบินขึ้นฟ้า 90 องศาเลย ไม่รู้ทำได้ไง ตอนลงที่เห็นในรูปก็เหมือนกัน จากตรงที่ล้อแตะพื้นจนถึงจอดสนิทนี่ไม่น่าจะเกิน 300 เมตร ฝีมือมากๆ
จบจากโชว์ของ Fat Albert ฝูงบิน Blue Angels ของ U.S. Navy ก็บินขึ้นโชว์ อ้อมก็มัวแต่ตื่นเต้น กดกล้องถ่ายรูปไปโดยเล็งที่ view finder (ช่องเล็กๆไม่ใช่ตัวจอ)เพราะแดดจ้ามาก ปรากฏว่าถ่ายไปสองสามรูปก็มาดู อ้าว ตายๆ ดันใช้ซูมจนสุด ตัว view finder มันไม่ใช่เฟรมของรูปจริงๆ รูปก็เลยออกมาหลุดเฟรมแบบที่เห็นข้างล่างนี่
คือจริงๆอ้อมก็ถ่ายอะไรที่เคลื่อนไหวเร็วก็ไม่ค่อยจะเป็นอยู่แล้ว แต่ก็คิดว่า เอาวะ กำลังจะพอกะๆได้อยู่ว่าควรจะถ่ายยังไง ปรับซูมเสร็จ กล้องร้องดังปิ๊บ ไอ้#@&*% (เติมในช่องว่างเอาเอง)มันเตือนว่าให้เปลี่ยนแบตเตอรี่!! แล้วกล้องนี้ก็ดีทุกอย่าง เสียอย่างเดียวมันไม่บอกล่วงหน้าเวลาถ่านหมด คือหมดแล้วหมดเลย เปิดก็ไม่ติดแล้ว จ๋อยค่ะจ๋อย แต่ก็ได้ดูเต็มโชว์ ทึ่งมากไม่รู้บินกันได้ยังไง ทั้งสวนกันหรือบินชิดๆกันขนาดนั้น ก็ประทับใจมากๆถึงจะไม่ได้รูปกลับมาก็ตาม
อัพเดทอีกรอบก่อนเขียนเรื่องแอร์โชว์
เมื่อคืนทำอาหารมื้อแรกตั้งแต่มาที่นี่ spaghetti cabonara สูตรเดิมที่เคยโพสต์ไว้นานมากแล้ว คลิ้กดูสูตรได้ที่นี่จ้า ไม่ได้ทำซะนานแต่ทำอีกทีก็ยังอร่อยเหมือนเดิม เบคอนกับครีมอ้วนๆทำยังไงก็อร่อย ตอนแรกว่าจะซื้อ fat-free cream cheese มาทำซอสแทน heavy cream แต่คริสบอกว่าทำแบบเดิมแหละดีแล้ว ก็เลยเอาแบบอ้วนๆนี่แหละวะ ไขมันจุกอกแต่อร่อยคุ้ม ฮ่าๆ
เมื่อวานไปเดินเล่นที่มอลล์ใกล้ๆโรงแรมมา ดูข้างนอกเป็นมอลล์ใหญ่มาก พอเข้าไปข้างใน อ้าว มอลล์ร้างนี่หว่า ร้านค้าปิดไปเกือบหมดแล้ว เหลือแต่ตัวห้างสองสามห้าง แต่นิสัยคนชอบช็อปอย่างเราก็อดไม่ได้ เข้าไปร้านขายชุดกีฬาที่กำลังลดสะบั้นหั้นแหลก เพราะคริสอยากดูเสื้อฮ็อกกี้ให้หลานๆ ปรากฏว่าอ้อมได้ซื้อแทน จกเสื้อโค้ตยัดไส้ขนเป็ดมาหนึ่งตัว ราคา $6.98 เท่านั้น!! คริสทำท่าไม่เชื่อถือเท่าไหร่ แต่อ้อมลองดูแล้วก็โอเค พอดีตัวเก่ามันซิปแตกไปแล้ว เอาตัวนี้มาเผื่อไว้ก่อน ใส่สองสามครั้งก็คุ้มแล้ววะ ราคาบวกแท็กซ์ไปแล้วก็ยังแค่ $7 กว่าเท่านั้นเอง หาที่ไหนได้
แถมเรื่องช็อปปิ้งอีกหน่อย แหม บอกซื้อรองเท้าคู่ละ $3, $7 แม่มาแซวซะได้ว่ามีส้นรึเปล่า เอารูปมาให้ดูเลย คู่นี้ $7 ของ Nine West เชียวนะ แต่ประทานโทษเมื่อวานใส่ไปเดินห้าง เท้าเกือบยับเยิน มันกัดแหลกเลย แต่ยังไม่ยอมแพ้ เดี๋ยวคราวหน้าใส่อีกจะติดพลาสเตอร์กันไว้ก่อน
Tuesday, September 12
เบิร์ธเดย์คูณสาม

ขอเขียนย้อนหลังหน่อย เมื่อวันเสาร์ที่ 2 กันยา ที่บ้านเลี้ยงฉลองวันเกิดให้เจฟฟ์ คริส(ผู้หลาน)และอ้อม เราสามคนเกิดเดือนกันยาเหมือนกัน เจฟฟ์วันที่ 2 คริสวันที่ 16 ส่วนอ้อมวันที่ 17 ก็เลยเลี้ยงรวมกันเร็วหน่อยก่อนอ้อมมานิวยอร์คด้วย จริงๆก็เหมือนทานข้าวร่วมกันมากกว่า ตอนบ่ายๆแมรี่แอนย่าง filet mignon ที่สั่งมาจากร้านขายเนื้ออย่างดี อร่อยเชียว ถ้าเนื้อดีๆนี่ไม่ต้องทำอะไรมากก็อร่อย อ้อมแค่สับกระเทียมเอาไปทาเนื้อตอนย่างเท่านั้นแหละ ส่วนของทานเล่นก็คือเกี๊ยวซ่าที่อ้อมทำไว้อีกหกสิบกว่าตัว ดีที่ลอรี่ช่วยห่อด้วย แต่คาซูมิ พี่สะใภ้คริสไม่ได้ช่วยแฮะ แล้วประหลาดมั้ย อ้อมเป็นคนไทยดันทำเกี๊ยวซ่า แต่คาซูมิเขาก็ว่าที่อ้อมทำอร่อยนะ (คือจริงๆคงคิดว่า สูตรนี้มั่วมากแต่ก็ต้องบอกว่าอร่อย หิหิ)
ทานกันเสร็จก็ตัดเค้กเลย ไม่มีเป่าทงเป่าเทียนอะไรทั้งนั้น เพราะลอรี่กับแฟนต้องรีบไปธุระ แล้วก็แจกของขวัญกัน อ้อมได้ พวงกุญแจยี่ห้อ coach เล็กๆ ซองพลาสติกสูญญากาศสำหรับเก็บของ สบู่ล้างมือ จากครอบครัวดั๊ก และ spice rack เป็นชั้นๆใหญ่มาก จากลอรี่ (ไม่รู้เมื่อไหร่จะได้ใช้ ครัวตัวเองยังไม่มี) กับเงินสดและการ์ดที่น่ารักมากๆจากพ่อแม่คริส เงินนี้ก็ได้มาแบบได้จังหวะมากเอามาใช้วันรุ่งขึ้นตอนพาอเล็กซ์กับคริสไปงาน airshow ซะเลย หมดไปหลาย แต่คริสบอกว่าเงินนี้ไว้สำหรับอ้อมช็อปปิ้งส่วนตัวเท่านั้น เดี๋ยวใช้คืนให้ อ้อมก็บอกว่าไม่เป็นไรหรอก ค่าเท่ากันแหละ ตอนนี้กระเป๋าเดียวกัน (ทำใจใหญ่ แต่จริงๆ แอบคิดว่าถ้าเจอของที่อยากซื้อเมื่อไหร่ เสร็จแน่ ฮ่ะๆ เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาก็สอยรองเท้าไปสองคู่ที่ Marshall's แต่ขอบอกว่า good deal มากฮ่ะ คู่แรก $3 อีกคู่ $7 หนังแท้ทั้งคู่นะค้า)
เดี๋ยวตอนหน้าเขียนเรื่องงาน airshow ค่ะ รูปเยอะ ขอไปเลือกก่อน
Monday, September 11
อัพเดทสั้นๆ
อ้อ ตอนนี้อยู่นิวยอร์คแล้วค่ะ โรงแรมก็งั้นๆ เดี๋ยวกะว่าจะลองหาที่ใหม่ดู อ้อมอยากได้แบบที่มีครัวเล็กๆด้วย
Friday, September 8
แมดดี้เปื่อย
เมื่อวันจันทร์แมดดี้ทานข้าวเช้าแล้วก็อ๊อกออกมา อ้อมก็ยังนึกว่า เออ สงสัยคงกินเร็วไป ตามนิสัยหมาตะกละเหมือนแม่มน เอ๊ย ไม่ใช่ ตามแบบลูกหมากำลังโตน่ะ
ปรากฏว่าวันอังคารก็อ้วกอีก แถมอ้วกเยอะขึ้น แต่ยังกินอาหารเม็ดได้อยู่ วันนั้นอ้อมก็ไม่อยู่บ้านขนของไปนิวยอร์คกับคริส
พอวันพุธ คราวนี้เธอกินอะไรเข้าไปก็อ้วกออกมาหมด แต่ยังดีที่กินน้ำได้ ลอรี่ก็เลยบอกให้ต้มข้าวต้มให้ทาน ก็พอทานได้บ้าง
เมื่อวานนี้ วันพฤหัสอ้อมกับคริสก็ไปนิวยอร์คอีก รู้สึกว่าแมดดี้จะกินอะไรไม่ได้เลย ตอนนี้รู้แล้วว่าต้องมีอะไรค้างอยู่ในพุงกะทิแมดดี้แน่ๆ ลอรี่ก็เลยพาไปหาหมอ หมอจับเอ๊กซเรย์ก็เห็นว่ามีบางอย่างที่ไม่เคลื่อนไหวอยู่ในกระเพาะต่อไปยังลำไส้เล็ก ก็เลยให้ยาถ่ายมาพร้อมกับอาหารเสริมอีกหนึ่งกระป๋อง แต่สั่งห้ามให้อาหารก่อนแมดดี้อึ ถ้าแมดดี้อึเอาไอ้ก้อนนั้นออกมาได้ก็โอเค แต่ถ้าวันนี้ยังไม่ถ่ายอีกก็ต้องโดนจับผ่าแน่นอน กว่าอ้อมกับคริสกลับมาถึงบ้านตอนดึก (รถพ่วงยางเกือบแตก ต้องรอเปลี่ยนยางใหม่นานมาก กว่าจะกลับถึงบ้านก็เหนื่อยสุดๆ) แมดดี้ก็อ้วกเป็นสีเขียวเกือบดำ ไม่รู้เป็นอะไร แต่ดีที่ไม่อ้วกที่พรม ไม่งั้นเช็ดกันหน้ามืดแน่
พอเมื่อเช้าอ้อมพาแมดดี้ออกไปที่ทุ่ง แมดดี้ก็ยังไม่อึ ฉี่อย่างเดียว แล้วก็อ้วกอีกนิดหน่อยพอเป็นพิธี อีกสักพักเธอร้องอยากออกไปข้างนอก อ้อมกำลังคุยโทรศัพท์อยู่ก็เลยให้คริสพาออกไป ปรากฏว่าแมดดี้อึออกมาเล็กน้อย ดีใจกันทั้งบ้าน คริสกับลอรี่ต้องออกไปพิสูจน์ดูว่ามีสิ่งแปลกปลอมมั้ย แต่ก็ไม่รู้แน่ แต่ที่ดีก็คืออย่างน้อยอึออกมาบ้าง ทั้งๆที่ไม่ได้กินอะไรเลย แปลว่าน่าจะมีการเคลื่อนไหวของสิ่งแปลกปลอมในท้อง ลอรี่ก็ลองให้อาหารกระป๋องที่หมอให้มาดู แมดดี้ก็กินได้ไม่อ้วก เย้เย้ หวังว่าแมดดี้จะอึออกมาอีก (ตอนนี้ต้องคอยวิเคราะห์ของเสียตลอด) จะได้ไม่ต้องโดนผ่าพุงกะทิ
สำหรับตัวการของไม่ย่อยนี่ พิจารณาดูระยะเวลาและสถานการณ์แล้วคาดว่าน่าจะเป็นพรมที่รองกรงที่คุณแมดดี้กัดซะยับเยินเมื่อวันเสาร์ เนื่องจากพี่คริสและหลานๆมาที่บ้านกัน อ้อมก็เลยต้องขังแมดดี้ไว้ในกรงเพราะคาซูมิพี่สะใภ้คริสกลัวหมาและเราก็กลัวว่าอเล็กซ์จะออกอาการตาบวมแพ้ขนหมาอีก คุณแมดดี้ก็คงหงุดหงิดงุ่นง่านอยู่ตัวเดียวในกรงเลยกัดพรมซะยัดเยินและคงกินเข้าไปด้วย เฮ้อ
ปอลอ: เดี๋ยวมาเขียนเรื่องงานวันเกิดรวมมิตรสามคนกับที่พาอเล็กซ์กับคริสไปงานแอร์โชว์ด้วย สงสัยคงได้เขียนตอนอยู่ว่างๆที่นิวยอร์ค
ปอลอ2: คิดถึงบ้านมากกกกกกกกกกก ตอนนี้ใกล้คลั่งแล้ว อยู่ที่บ้านนี้หาความสงบไม่ได้ ขืนต้องอยู่นานกว่านี้คงได้หลุดปากพูดอะไรไม่สมควรจะพูดออกไป ดีที่จะไปนิวยอร์ควันอาทิตย์นี้แล้ว (ถอนหายใจอีกสามเฮือก) พ่อคริสลงมาข้างล่างแล้ว อ้อมขอหลบไปข้างบนดีกว่า
Monday, September 4
Trucking
เฮ้อ หายไปหลายวันเพราะไม่ค่อยได้อยู่บ้านค่ะ จ๊อบใหม่ที่เมือง Webster รัฐนิวยอร์คของคริสจะเริ่มวันจันทร์หน้า อาทิตย์ที่แล้วก็เลยต้องเริ่มขนของไปที่จ๊อบไซต์ซึ่งก็คือแท้งค์น้ำที่เห็นข้างบนนี่แหละ เมืองเวบสเตอร์อยู่ห่างจากบ้านประมาณ 350 ไมล์ ทางที่ขับไปก็คือขับขึ้นตะวันออกเฉียงเหนือเข้ารัฐ Pensylvania แล้วก็เข้ารัฐ New York เมืองเวบสเตอร์อยู่เลย Buffalo (ที่อ้อมไปน้ำตกไนแอการามา)ไปประมาณชม.นึงและอยู่ติดกับเมือง(ค่อนข้าง)ใหญ่อีกเมืองชื่อ Rochester ดูแผนที่การเดินทางได้ที่นี่
เนื่องจากมีทั้งรถพ่วงและคอมเพรสเซอร์และเครื่องปั่นไฟ (generator) ที่ต้องขนไปทั้งหมด 9 คัน คริสกับคนงานอีกคนก็ต้องขับรถลากของไปหย่อนไว้ที่แท้งค์แล้วก็ขับกลับมาทั้งหมด 4 เที่ยว (อีกหนึ่งคันที่เหลือคริสจะลากไปตอนก่อนเริ่มทำงาน) ตอนแรกพ่อคริสบอกว่าจะให้ขับไปขับกลับติดกันเลยสี่วัน คริสบอกไม่ไหวมั้ง ขาไปนี่ก็ประมาณ 7 ชม. เพราะต้องลากของด้วย ขากลับอีก 6 ชม. ถ้าออกจากบ้านหกโมงเช้า รวมเวลาที่ต้องแวะพักเติมน้ำมันอะไรด้วยกว่าจะถึงบ้านก็คงสี่ทุ่ม วันรุ่งขึ้นตื่นตีสี่ตีห้าให้ออกไปใหม่คงไม่ไหว สรุปก็เลยขับไปวันเว้นวัน ทริปแรกวันพุธที่แล้ว ทริปที่สองวันศุกร์ เหลืออีกสองทริปวันอังคารนี้กับวันพฤหัส แล้ววันอาทิตย์ก็ขับไปอยู่ที่เวบสเตอร์เลย
เวลาคริสขับรถไกลๆอย่างนี้ อ้อมก็ต้องนั่งเป็นแม่ย่านางไปด้วย ครั้งแรกก็คอยบอกทาง แต่ส่วนใหญ่ก็นั่งเงียบๆเป็นเพื่อนคริสไปเท่านั้นแหละ ฝันถึงอาหาร คิดถึงเรื่องที่อยากทำตอนกลับบ้านปีหน้า คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย ในรถก็จะมี XM Satellite Radio ไว้ฟัง แต่พักหลังนี้เริ่มเบื่อ ก็เลยเอาซีดีไปด้วย แหกปากร้องกันอยู่ในรถสองคนสลับกัน ฮ่าๆๆ เพลงที่ร้องกันเอามันก็เช่นเพลงนี้เป็นต้น
[Song removed]
มาดูทางที่ไปกันมั่ง ขับจากโอไฮโอเข้าเพนซิลเวเนีย
แถวนั้นใกล้ทะเลสาป Erie มากๆ เห็นได้จากไฮเวย์
ตอนเช้าต้องเติมพลังกันด้วยกาแฟเย็นสตาร์บัคส์ไลต์คนละกระป๋อง อันนี้ดื่มดีกว่าที่เป็นขวดแก้วเยอะเพราะไม่หวาน คาลอรี่ต่ำ
ถึงที่แท้งค์
เมื่อวันศุกร์อ้อมขอลงที่ทางเข้าแท้งค์เพราะอยากถ่ายรูปดอกหญ้าข้างทาง ช่วงนี้อากาศเย็นขึ้นแล้ว คริสบอกว่า Fall is in the air. เศร้าจริงๆไม่อยากให้หนาวเลย อ้อมก็ขอถ่ายรูปดอกไม้หน้าร้อนเป็นครั้งสุดท้ายก่อนหนาว
เหลืออีกสองทริปแล้ววันอาทิตย์นี้ก็จะไปอยู่ที่โรงแรมแล้ว ดีที่ได้ออกจากบ้านแต่ยังไม่รู้โรงแรมจะเป็นยังไง หวังว่าห้องคงกว้างพออยู่สบายๆ อ้อมคงทิ้งแมดดี้ไว้ที่บ้านก่อน ลอรี่จะพาแมดดี้ไปงานโชว์สุนัข (dog show) ที่นิวยอร์คตอนปลายเดือน ก็เลยว่าจะให้ลอรี่แวะส่งแมดดี้ตอนนั้น ให้แมดดี้ได้อยู่บ้านได้ไปโรงเรียน ได้วิ่งเล่นสบายๆที่บ้านอีกสักหน่อย แล้วค่อยไปจับเจ่าที่โรงแรมกับอ้อมทีหลัง แต่ก็ต้องดูก่อนอยู่ดีว่าโรงแรมเป็นยังไง